คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 810/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์มีตัวโจทก์ และพ.ซึ่งนั่งมาในรถยนต์กระบะของโจทก์ เบิกความยืนยันว่า รถบรรทุกสิบล้อที่จำเลยที่ 1ขับตามหลังพุ่งเข้าชนท้าย รถยนต์กระบะของโจทก์หลังเกิดเหตุจำเลยที่ 1 เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนและถูกฟ้องในข้อหาขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้รถยนต์กระบะของโจทก์เสียหายและโจทก์ได้รับบาดเจ็บยิ่งเมื่อนำภาพถ่ายที่จำเลยที่ 2 นำสืบว่าโจทก์ขับรถยนต์กระบะแซงรถยนต์บรรทุกสิบล้อคันหนึ่ง ทางเดินรถของจำเลยที่ 1 นั้น จำเลยที่ 2 คงมีแต่ตัวจำเลยที่ 1เพียงปากเดียวเบิกความลอย ๆ โดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นสนับสนุน พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักดีกว่าพยานหลักฐานของจำเลย เอกสารใบเสร็จรับเงินค่าลำโพง และเสาอากาศโจทก์อาจจะไปขอมาหลังจากฟ้องก็ได้ กรณีไม่ถึงกับจะทำให้รับฟังเอกสารดังกล่าวไม่ได้ ฎีกาจำเลยที่ 2 ที่ว่าเอกสารบางรายการมีการคิด ค่าเสียหายซ้ำซ้อนกัน 2 ครั้ง มิได้ระบุให้ชัดแจ้งว่าเอกสารในรายการใดบ้างที่มีการคิดค่าเสียหายซ้ำซ้อน กันศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ เหตุที่โจทก์ไม่ส่งสำเนาเอกสารหมาย จ.8, จ.10และ จ.11 ให้แก่จำเลยก่อนวันสืบพยาน เนื่องจากโจทก์เพิ่งค้นพบเอกสารดังกล่าวและได้ยื่นบัญชีระบุพยาน เพิ่มเติมในวันนั้น และโจทก์ก็ยังสืบพยานไม่เสร็จ จำเลยย่อมมีโอกาสตรวจดูเอกสารดังกล่าวและนำพยานหลักฐาน มาสืบหักล้างได้ ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบในเชิงคดี แต่อย่างใด เพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็น เป็นไปด้วยความเที่ยงธรรม จำเป็นต้องสืบพยานหลักฐาน เช่นว่านั้น ศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐาน ดังกล่าวได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสองเนื่องจากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยที่ 2ขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อของจำเลยที่ 2 ไปในทางการที่จ้างหรือในกิจการที่ได้รับมอบหมายจากจำเลยที่ 2 ตามหลังรถยนต์กระบะของโจทก์ด้วยความประมาทพุ่งเข้าชนท้าย รถยนต์กระบะของโจทก์เป็นเหตุให้รถยนต์กระบะของโจทก์ตกลงข้างถนนได้รับความเสียหาย
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การและแก้ไขคำให้การว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้ครอบครองรถยนต์กระบะจึงไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยที่ 2มิได้เป็นผู้ครอบครองรถยนต์บรรทุกสิบล้อและมิได้เป็นนายจ้างหรือตัวการที่มอบหมายให้จำเลยที่ 1 ขับรถดังกล่าวไปในทางการที่จ้าง เหตุคดีนี้เกิดจากความประมาทของโจทก์เพียงฝ่ายเดียว
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2ร่วมกันชำระเงิน 48,038.91 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงิน 44,713 บาท นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่จะวินิจฉัยประการแรกว่าจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์โดยประมาทหรือไม่ เห็นว่า นอกจากโจทก์จะมีตัวโจทก์และนายพงษ์ศักดิ์ซึ่งนั่งมาในรถยนต์กระบะของโจทก์ เบิกความยืนยันว่ารถยนต์บรรทุกสิบล้อที่จำเลยที่ 1ขับตามหลังพุ่งเข้าชนท้ายรถยนต์กระบะของโจทก์แล้วหลังเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ก็เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนและถูกฟ้องต่อศาลจังหวัดหลังสวนในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้รถยนต์กระบะของโจทก์เสียหายและโจทก์ได้รับบาดเจ็บซึ่งจำเลยที่ 1 ก็ให้การรับสารภาพและถูกศาลพิพากษาลงโทษไปแล้วด้วยตามเอกสารหมาย จ.2 ยิ่งกว่านั้นเมื่อนำภาพถ่ายของรถทั้งสองคันตามเอกสารหมาย ป.ล.1 ถึงป.ล.3 (ศาลจังหวัดระนอง) และเอกสารหมาย ล.2มาพิจารณาประกอบแล้ว ก็ยิ่งมีน้ำหนักเชื่อได้ตามที่โจทก์นำสืบว่ารถยนต์บรรทุกสิบล้อที่จำเลยที่ 1 ขับตามหลังมาพุ่งเข้าชนท้ายรถยนต์กระบะของโจทก์ ที่จำเลยที่ 2 นำสืบว่าโจทก์ขับรถยนต์กระบะแซงรถยนต์บรรทุกสิบล้อคันหนึ่งสวนทางมาแล้วรถของโจทก์เสียหลักแล่นเข้ามาในช่องทางเดินรถของจำเลยที่ 1 นั้นจำเลยที่ 2 คงมีแต่ตัวจำเลยที่ 1 เพียงปากเดียวเบิกความลอย ๆโดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นสนับสนุน พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักดีกว่าพยานหลักฐานของจำเลยคดีฟังได้ว่าจำเลยที่ 1ขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อ โดยประมาทพุ่งเข้าชนท้ายรถยนต์กระบะของโจทก์
ลำดับต่อไปจะได้วินิจฉัยเกี่ยวกับค่าเสียหายของโจทก์ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาขึ้นมา จำเลยที่ 2 ฎีกาข้อแรกว่าเอกสารหมายจ.10 (ใบเสร็จค่าลำโพง 2 คู่ ราคา 2,500 บาท และเสาอากาศ1 ต้น ราคา 300 บาท) ทำขึ้นหลังจากโจทก์ยื่นฟ้องแล้วรับฟังไม่ได้ เห็นว่า เอกสารหมาย จ.10 โจทก์อาจจะไปขอมาหลังจากฟ้องก็ได้ กรณีไม่ถึงกับจะทำให้รับฟังเอกสารหมาย จ.10ไม่ได้ อย่างไรก็ตามค่าลำโพงตามเอกสารหมาย จ.10ศาลชั้นต้นก็ไม่ได้กำหนดให้จำเลยต้องชดใช้ให้แก่โจทก์ จำเลยที่ 2ฎีกาข้อต่อมาว่า ค่าอะไหล่บางรายการเมื่อดูจากใบส่งของชั่วคราวราคาจะต่ำกว่าใบเสร็จรับเงิน เช่นหน้ากาก เค บี แซด 2500 ในใบส่งของชั่วคราวของในใบส่งของชั่วคราวของห้างหุ้นส่วนจำกัดเจริญยนต์อะไหล่ระบุราคาไว้ 1,150 บาทแต่ใบเสร็จรับเงินกลับระบุราคาไว้ 1,400 บาท เห็นว่า ใบส่งของชั่วคราวเกี่ยวกับหน้ากาก เค บี แซด 2500 ไม่ปรากฏในสำนวนแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามหน้ากาก เค บี แซด 2500 ที่ระบุไว้ในใบเสร็จรับเงินเอกสารหมาย จ.12 ศาลชั้นต้นก็มิได้กำหนดให้จำเลยชดใช้ให้แก่โจทก์ด้วย จำเลยที่ 2 ฎีกาข้อต่อมาว่าเอกสารบางรายการมีการคิดค่าเสียหายซ้ำซ้อนกัน 2 ครั้ง เห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ 2 ในข้อนี้มิได้ระบุให้ชัดแจ้งว่าเอกสารในรายการใดบ้างที่มีการคิดค่าเสียหายซ้ำซ้อนกัน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ ฎีกาข้อสุดท้ายของจำเลยที่ 2 มีว่า เอกสารหมาย จ.8, จ.10 และ จ.11 โจทก์มิได้ส่งสำเนาให้จำเลยที่ 2 จึงรับฟังไม่ได้เห็นว่า ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2531ว่าเหตุที่โจทก์ไม่ส่งสำเนาเอกสารดังกล่าวให้แก่จำเลยก่อนวันสืบพยาน เนื่องจากโจทก์เพิ่งค้นพบเอกสารดังกล่าวและได้ยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมในวันนั้นและโจทก์ก็ยังสืบพยานไม่เสร็จ จำเลยย่อมมีโอกาสตรวจดูเอกสารดังกล่าวและนำพยานหลักฐานมาสืบหักล้างได้ จึงไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบในเชิงคดีแต่อย่างใดทั้งนี้เพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปด้วยความเที่ยงธรรมจำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานเช่นว่านั้น ศาลก็มีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)การที่ศาลรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมายฎีกาของจำเลยที่ 2 ทุกข้อฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share