แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
เช็คพิพาททั้งสามฉบับมิได้ลงวันที่ออกไว้ โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิที่จะจดวันตามที่ถูกต้องแท้จริงลงในเช็คพิพาทได้ เมื่อเช็คพิพาททั้งสามฉบับลงวันที่ 5 มกราคม 2530วันที่ 20 มกราคม 2530 และวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2530 ตามลำดับโจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2530 ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คจำนวน 3 ฉบับ ฉบับที่ 1ลงวันที่ 5 มกราคม 2530 จำนวนเงิน 175,800 บาท ฉบับที่ 2ลงวันที่ 20 มกราคม 2530 จำนวนเงิน 50,000 บาท ฉบับที่ 3ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2530 จำนวนเงิน 110,000 บาท มีจำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์เมื่อถึงกำหนดใช้เงินตามเช็ค โจทก์นำเช็คไปเบิกเงินจากธนาคาร แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินทั้งสามฉบับโดยให้เหตุผลว่า เงินในบัญชีไม่พอจ่าย หลังจากนั้นโจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้หลายครั้งแต่จำเลยเพิกเฉยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็คทั้งสามฉบับจำนวน 335,800 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า เดิมห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงเลื่อยจักรทวีสินพร้อมพูน ซึ่งมีนางเกียว ตั้งบัณฑิต เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการเป็นหนี้เงินยืมโจทก์จำนวน 1,184,490 บาท และได้ตกลงรับจ้างเลื่อยไม้ให้โจทก์แทนการชำระหนี้โดยโจทก์คิดค่าจ้างให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงเลื่อยจักรทวีสินพร้อมพูน สำหรับไม้เนื้อแข็งลูกบาศก์เมตรละ 500 บาท และไม้เนื้ออ่อนลูกบาศก์เมตรละ 450 บาทแต่เพื่อเป็นหลักประกันสำหรับโจทก์ในกรณีที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงเลื่อยจักรทวีสินพร้อมพูนไม่สามารถชำระหนี้ให้แก่โจทก์ด้วยการรับจ้างเลื่อยไม้และแปรรูปไม้หรือด้วยวิธีอื่นใด โจทก์และห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงเลื่อยจักรทวีสินพร้อมพูน จึงให้จำเลยออกเช็ครวม 11 ฉบับ ตามจำนวนหนี้ดังกล่าวให้โจทก์ยึดถือไว้โดยมีข้อตกลงว่าหากห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงเลื่อยจักรทวีสินพร้อมพูนไม่ชำระหนี้แก่โจทก์และจำเลยไม่ชำระหนี้แทนตามภาระการค้ำประกันด้วยเช็ค ให้โจทก์จดวันที่ถูกต้องแท้จริงลงในเช็คแต่ละฉบับแล้วนำไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารได้ แต่โจทก์ต้องจดวันที่สั่งจ่ายเงินในเช็คภายในกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์ได้รับเช็คแต่ละฉบับจากจำเลย เช็คจำนวน 11 ฉบับ ที่จำเลยมอบให้แก่โจทก์ดังกล่าวนั้นมีเช็คพิพาททั้งสามฉบับ รวมอยู่ด้วย ซึ่งโจทก์ได้รับเช็คพิพาทจากจำเลยเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2524, วันที่ 11พฤศจิกายน 2524 และวันที่ 17 พฤศจิกายน 2524 ตามลำดับ โจทก์จึงต้องจดวันที่สั่งจ่ายในเช็คภายในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2525,วันที่ 11 พฤศจิกายน 2525 และวันที่ 17 พฤศจิกายน 2525 ตามลำดับการที่โจทก์จดวันที่สั่งจ่ายเงินในเช็คเป็นวันที่ตามฟ้อง จึงเป็นการจดวันที่สั่งจ่ายเงินในเช็คที่ไม่ถูกต้องแท้จริงและไม่สุจริตโจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาททั้งสามฉบับโดยชอบ และโจทก์ต้องใช้สิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็คพิพาททั้งสามฉบับภายใน 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์ต้องจดวันที่สั่งจ่ายเงินที่ถูกต้องในเช็ค คือภายในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2526, วันที่ 11 พฤศจิกายน 2526และวันที่ 17 พฤศจิกายน 2526 เมื่อโจทก์มาฟ้องคดีเกินกว่า 1 ปีคดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002และห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงเลื่อยจักรทวีสินพร้อมพูนได้ทำการเลื่อยไม้และแปรรูปไม้ให้แก่โจทก์จำนวน 3,673 ท่อน คิดเป็นปริมาตรเนื้อไม้จำนวน 8,593.72 ลูกบาศก์เมตร หากคิดค่าจ้างเลื่อยไม้ในอัตราลูกบาศก์เมตรละ 450 บาท จะเป็นค่าจ้างเลื่อยไม้จำนวน 3,867,174 บาท เมื่อหักกลบลบหนี้ที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงเลื่อยจักรทวีสินพร้อมพูนเป็นหนี้โจทก์ จำนวน 1,184,490 บาทแล้ว โจทก์ยังคงเป็นหนี้ห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงเลื่อยจักรทวีสินพร้อมพูน จำนวน 2,682,684 บาท ห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงเลื่อยจักรทวีสินพร้อมพูนชำระหนี้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้วด้วยการเลื่อยไม้ให้โจทก์ จึงไม่มีหนี้ต่อกันอีก จำเลยในฐานะผู้ออกเช็คค้ำประกันจึงหลุดพ้นด้วย แต่จำเลยยังไม่ได้รับเช็คพิพาทคืนจากโจทก์ เพราะโจทก์และห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงเลื่อยจักรทวีสินพร้อมพูนยังไม่ได้ตกลงหักทอนบัญชีกัน การที่โจทก์นำเช็คพิพาททั้งสามฉบับที่ไม่มีมูลหนี้อันจะกล่าวอ้างได้มาฟ้องคดีนี้เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 335,800 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่ไม่โต้เถียงกันรับฟังได้ว่า จำเลยลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทสามฉบับเอกสารหมาย จ.2 จ.4 และ จ.6 โดยยังไม่ได้ลงวันถึงกำหนดใช้เงินในเช็คมอบให้แก่โจทก์ ต่อมาโจทก์จดลงวันถึงกำหนดใช้เงินในเช็คพิพาททั้งสามฉบับ เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์นำเช็คไปเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ปรากฏตามใบคืนเช็คเอกสารหมาย จ.3 จ.5 และ จ.7 คงมีปัญหาที่จะวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่า จำเลยออกเช็คพิพาทมอบให้โจทก์เพื่อเป็นประกันในการที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงเลื่อยจักรทวีสินพร้อมพูนเบิกเงินยืมจากโจทก์และหนี้ตามเช็คพิพาทระงับไปแล้วหรือไม่ปัญหาข้อนี้โจทก์มีตัวโจทก์เบิกความยืนยันว่า จำเลยนำเช็คพิพาทมาแลกเงินสดไปจากโจทก์เมื่อปลายเดือนมกราคม 2529 โดยบอกว่าจะยืมเงินไปใช้ในกิจการโรงเลื่อยของจำเลย จะขายกิจการให้ได้ในต้นปี 2530 แล้วจะนำเงินมาชำระให้โจทก์ ต่อมาต้นปี 2530 โจทก์จดลงวันที่ในเช็คตามที่จำเลยระบุให้ลงไว้ ฝ่ายจำเลยมีตัวจำเลยเบิกความว่า เช็คพิพาทเป็นเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายให้โจทก์ไว้เพื่อเป็นประกันในการที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงเลื่อยจักรทวีสินพร้อมพูนเบิกเงินยืมจากโจทก์เมื่อปี 2524 และหนี้ตามเช็คพิพาทได้ชำระหมดสิ้นแล้วโดยห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงเลื่อยจักรทวีสินพร้อมพูนได้ทำการแปรรูปไม้ให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดแม่น้ำโขงพาณิชย์ซึ่งเป็นของโจทก์ โดยคิดเป็นค่าจ้างแปรรูปไม้ให้ ซึ่งโจทก์จะต้องชำระเป็นเงิน 3,867,174บาท เมื่อหักเงินยืมออกแล้ว โจทก์ยังคงค้างชำระอยู่อีก 2,000,000บาทเศษ เห็นว่าหากมีการคิดบัญชีหนี้เงินยืมกับค่าจ้างแปรรูปไม้แล้วโจทก์ยังคงเป็นหนี้เช่นนี้จริงก็น่าจะปรากฏหลักฐานการเป็นหนี้ของโจทก์หรือปรากฏหลักฐานการทวงถามเอาจากโจทก์บ้าง แต่ก็ไม่ปรากฏหลักฐานเช่นนั้นแต่อย่างใด ที่จำเลยฎีกาว่าเหตุที่ไม่ทำหลักฐานเช่นนั้นเพราะในการประกอบธุรกิจการค้า คู่กรณีมักจะเชื่อถือในเครดิตซึ่งกันและกัน อะลุ้มอล่วยให้แก่กัน ซึ่งโจทก์จำเลยได้ร่วมกันค้าขายไม้ด้วยกันมานับสิบปี จำเลยจึงยอมให้โอกาสและเชื่อใจโจทก์นั้น หากมีการไว้วางใจกันถึงขนาดโจทก์เป็นหนี้จำนวนถึง 2,000,000 บาทเศษก็ไม่ต้องทำหลักฐานการเป็นหนี้หรือหลักฐานการทวงถามกันดังจำเลยว่าแล้ว การที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์เพียง 335,800 บาท ก็ไม่น่าจะให้จำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อค้ำประกันเช่นเดียวกัน ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยมอบเช็คพิพาทให้โจทก์เมื่อปี 2524 นั้น โจทก์ก็เบิกความยืนยันว่า จำเลยมอบเช็คพิพาทให้โจทก์ในปี 2529 แม้ตามเอกสารหมาย ล.8 จะปรากฏชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดแม่น้ำโขงพาณิชย์ ซึ่งโจทก์รับว่าเป็นเจ้าของห้างดังกล่าวและรายการในช่องจำนวนเงิน เลขเช็คธนาคารในลำดับที่ 1, 3, 5 ในเอกสารหมาย ล.8 จะตรงกับที่ปรากฏในเช็คพิพาททั้งสามฉบับ และช่องวันเอาเงินไปจะปรากฏว่าเป็นปี 2524ก็ตาม แต่ก็ไม่ปรากฏลายมือชื่อโจทก์ไว้ในที่แห่งใด และโจทก์ก็มิได้รับรอง ที่จำเลยนำสืบว่าโจทก์เป็นผู้ทำเอกสารหมาย ล.8และจำเลยออกเช็คพิพาทมอบให้โจทก์เพื่อเป็นประกันในการที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงเลื่อยจักรทวีสินพร้อมพูนเบิกเงินยืมจากโจทก์และหนี้ตามเช็คพิพาทระงับไปแล้ว จึงรับฟังไม่ได้ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยนำเช็คพิพาททั้งสามฉบับมาแลกเงินสดจากโจทก์เมื่อปลายเดือนมกราคม 2529 และโจทก์ได้จดวันลงในเช็คตามวันที่จำเลยกำหนดไว้ ดังนั้น ที่จำเลยฎีกาเป็นประการสุดท้ายว่าโจทก์นำคดีมาฟ้องเกิน 1 ปี ภายหลังเช็คพิพาทถึงกำหนดคดีโจทก์จึงขาดอายุความนั้น เห็นว่า เช็คพิพาทมิได้ลงวันที่ออกเช็คไว้ โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิที่จะจดวันตามที่ถูกต้องแท้จริงลงในเช็คพิพาททั้งสามฉบับได้ คดีปรากฏว่าเช็คพิพาททั้งสามฉบับลงวันที่ 5 มกราคม 2530, วันที่ 20 มกราคม 2530และวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2530 ตามลำดับ โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2530 ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน