คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 81/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์อ้างว่า ผู้วายชนม์ได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้แก่โจทก์ จำเลยต่อสู้ว่า พินัยกรรมนั้นปลอม เช่นนี้ เป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำสืบให้ได้ความว่า พินัยกรรมที่อ้างนี้ไม่ปลอม
การเชื่อฟังพยานหลักฐานในข้อที่ว่าลายมือชื่อในพินัยกรรมเป็นลายมือ ชื่ออันแท้จริงของผู้ทำพินัยกรรมหรือไม่ นั้น ตามปกติควรเชื่อคำประจักษ์พยานยิ่งกว่าคำผู้เชี่ยวชาญ การพิสูจน์หลักฐาน เพราะประจักษ์พยานเป็นผู้ได้ยินกับหูเห็นด้วยตาของตนเอง ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงเหตุผลต่าง ๆ ประกอบให้พอเชื่อฟังได้ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับพระยาวิชิตสรสาตร์เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมายก่อนใช้ประมวลกฎหมายว่า ด้วยการจดทะเบียนสมรส พระยาวิชิตสรสาตร์ ได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้โจทก์กับบุตร ขอให้ศาลพิพากษาว่า ทรัพย์ตามบัญชี ข. ท้ายฟ้องตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์และบุตรตามพินัยกรรม ฯลฯ
จำเลยต่อสู้ว่า พินัยกรรมปลอมทั้งทำไม่ถูกเพราะไม่มีลายเซ็นชื่อผู้พิมพ์พินัยกรรม ๆ จึงเป็นโมฆะ โจทก์มิได้เป็นภริยาของพระยาวิชิตสรสาสตร์ เพราะได้เสียกันเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๘๐ โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส โจทก์และบุตรจึงมิได้เป็นทายาทโดยธรรม ไม่มีสิทธิรับมรดกของพระยาวิชิตสรสาตร์
ศาลชั้นต้นฟังว่า พระยาวิชิตสรสาคร์ได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกรายพิพาทให้แก่โจทก์และบุตรของโจทก์ตามพินัยกรรมที่โจทก์อ้าง แม้พินัยกรรมไม่มีลายเซ็นของผู้พิมพ์ข้อความ ก็ใช้ได้ พิพากษาว่า ทรัพย์มรดกตามบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้อง หมาย ข. เป็นมรดกตกทอดเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์และบุตรโจทก์ตามพินัยกรรมที่โจทก์อ้าง ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับทรัพย์เหล่านั้น ฯลฯ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว เรื่องนี้โจทก์อ้างว่า พระยาวิชิตสรสาตร์ผู้วายชนม์ได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้แก่โจทก์และบุตรของโจทก์ แต่จำเลยต่อสู้ว่า เป็นพินัยกรรมปลอม เช่นนี้ เป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำสืบให้ได้ความว่า พินัยกรรมที่อ้างไม่ปลอม การเชื่อฟังพยานหลักฐานในข้อนี้ ตามปกติควรเชื่อคำประจักษ์พยานยิ่งกว่าคำผู้เชี่ยวชาญการพิสูจน์หลักฐาน เพราะประจักษ์พยานเป็นผู้ได้ยินกับหู เห็นด้วยตาของตนเอง ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงเหตุผลต่าง ๆ ประกอบให้พอเชื่อฟังได้ด้วย ศาลฎีกาพิจารณาแล้วฟังว่า ลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรมในพินัยกรรมที่โจทก์อ้าง ไม่ใช่ลายเซ็นชื่ออันแท้จริงของพระยาวิชิสสรสาศร์ จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยปัญหาในข้อที่ว่าผู้พิมพ์พินัยกรรมไม่ได้ลงชื่อในพินัยกรรม เป็นการชอบด้วยกฎหมายเพียงไร หรือไม่
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงต่อไปว่า นางน้มโจทก์ได้เสียกับพระยาวิชิตสรสาตร์ โดยมิได้จดทะเบียนสมรส ภายหลังวันที่ใช้ ป.พ.พ. บรรพ ๕ ว่าด้วยการจดทะเบียนสมรสแล้ว นางน้อมโจทก์จึงไม่เป็นภริยา โดยชอบด้วยกฎหมายของพระยาวิชิตสรสาตร์ แต่นางสาวสุภาพ นายประภาส เด็กชายกมล เด็กหญิง สุพัตรา โจทก์ เป็นบุตรของพระยาวิชิตสาสาตร์ที่เกิดกับนางน้อมโจทก์ แม้จะเป็นบุตรยอกกฎหมาย ก็เป็นบุตรที่พระยาวิชิตสรสาตร์ได้รับรองแล้ว ถือว่าเป็นผู้สืบสันดานเหมือนกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย มีสิทธิรับมรดกของพระยาวิชิตสรสาตร์ตาม ป.พ.พ. บรรพ ๖ จึงต้องแบ่งปันให้ในฐานะเป็นทายาทโดยธรรม พระยาวิชิตสรสาตร์มีบุตรกับคุณหญิงเลียบ ๕ คน พระยาวิชิตสรสาตร์หย่ากับคุณหญิงเลียบแล้ว และมีบุตรกับนางน้อมโจทก์ ๔ คน คือนางสาวสุภาพ นายประภาสเด็กชายกมล เด็กหญิงสุพัตรา เป็นทายาทโดยธรรม ซึ่งมีสิทธิได้รับมรดกตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๖๒๙ (๑), ๑๖๓๓
พิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ว่า ให้แบ่งทรัพย์มรดกรายพิพาทออกเป็น ๙ ส่วนเท่า ๆ กันให้นางสาวสุภาพ นายประภา เด็กชายกมล เด็กหญิงสุพัตรา โจทก์ได้รับคนละหนึ่งส่วน

Share