คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 671/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ชำระเงินกู้ เมื่อปรากฏว่าโจทก์ไม่มีหลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสือว่าจำเลยที่ 2 ได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้กู้อย่างใด โจทก์ย่อมจะฟ้องร้องบังคับให้จำเลยที่ 2 รับผิดในฐานผู้กู้หาได้ไม่
แบบพิมพ์หนังสือมอบอำนาจของกรมที่ดินอันยังไม่ได้กรอกข้อความและมีลายมือชื่อจำเลยที่ 2 เป็นผู้มอบอำนาจก็ดี หาใช่เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกู้เงินโจทก์ไป ๒๐,๐๐๐ บาท โดยจำเลยที่ ๑ เป็นผู้กู้ จำเลยที่ ๒ ยอมให้โจทก์ยึดโฉนดที่ดินของจำเลยที่ ๒ ไว้เป็นประกันในสัญญากู้ และจำเลยที่ ๒ ได้ลงชื่อไว้ในแบบพิมพ์หนังสือมอบอำนาจตามแบบของกรมที่ดินให้โจทก์ยึดถือไว้ด้วย ขอให้บังคับจำเลยใช้เงิน ถ้าไม่สามารถชำระได้ ขอให้บังคับจำเลยที่ ๒ โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวให้โจทก์
ศาลแพ่งสั่งฟ้องของโจทก์ว่า ให้ประทับฟ้องเฉพาะจำเลยที่ ๑ ส่วนจำเลยที่ ๒ ไม่ประทับฟ้อง เพราะไม่มีหลักฐานอะไรว่าจำเลยที่ ๒ ได้กู้ร่วมด้วย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ได้ร่วมกันกู้เงินโจทก์ แต่ปรากฏว่าจำเลยที่ ๑ แต่ผู้เดียวเป็นผู้กู้เงินรายนี้จากโจทก์ ไม่มีข้อความตอนใดเลยที่แสดงว่าจำเลยที่ ๒ เป็นผู้กู้เงินรายนี้ร่วมกับจำเลยที่ ๑ และลายมือชื่อผู้กู้ในสัญญากู้ก็มีแต่จำเลยที่ ๑ ผู้เดียวลงลายมือชื่อเป็นผู้กู้จำเลยที่ ๒ ไม่ได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้กู้ โจทก์ไม่มีหลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใด ที่จำเลยที่ ๒ ได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้กู้เลย จึงจะต้องร้องบังคับจำเลยที่ ๒ ให้ต้องรับผิดในฐานะผู้กู้รายนี้หาได้ไม่ เป็นการต้องห้ามตาม มาตรา ๖๕๓ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ส่วนสำเนาหนังสือที่โจทก์อ้างคือหนังสือสัญญาขายที่ดินโฉนดที่ ๖๑๓๔ ซึ่งมีลายมือชื่อจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ซื้อก็ดี แบบพิมพ์หนังสือมอบอำนาจของกรมที่ดินอันยังไม่ได้กรอกข้อความและมีลายมือชื่อจำเลยที่เป็นผู้มอบอำนาจก็ดี หาใช่เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมไม่ และกลับปรากฏข้อความในหนังสือสำเนาสัญญากู้ว่า จำเลยที่ ๑ เป็นผู้นำเอาโฉนดที่ดินของจำเลยที่ ๒ มาให้โจทก์ยึดถือไว้ เป็นประกันเงินกู้ ฉะนั้น ตามสำเนาสัญญากู้ จำเลยที่ ๒ มาให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกัน เงินกู้ ฉะนั้น ตามสำเนาสัญญากู้ จำเลยที่ ๒ จึงเป็นแต่เพียงเจ้าของที่ดินโฉนดที่ ๑๖๓๔ ซึ่งจำเลยที่ ๑ นำมาให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้เท่านั้น หาใช่ผู้กู้ไม่ ศาลแพ่งสั่งไม่ประทับฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๒ เป็นการชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share