คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 802/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าของฟ้องขับไล่ผู้เช่าที่ดินและเรียกค่าเสียหาย แล้วโอนขายที่ดินให้ผู้ซื้อไปผู้ซื้อเข้าเป็นโจทก์ร่วมดังนี้ไม่ทำให้ผู้ขายซึ่งเป็นโจทก์หมดสิทธิฟ้องร้องคดีนั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าตึกแถวเลขที่ 488,490 ของบริษัท ไทยนิธิ จำกัดตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2489 ถึง 31 มกราคม 2492 ค่าเช่าเดือนละ 300 บาทจำเลยเช่าเพื่อประกอบการค้าวิทยุใช้ยี่ห้อว่า “เรเดียวแล๊บ” สถานที่เช่าอยู่ในทำเลการค้า โจทก์ซื้อตึกรายนี้ไว้จากบริษัทไทยนิธิ จำกัด สิทธิการเช่ารายนี้จึงตกมาอยู่แก่โจทก์และได้แจ้งการโอนให้จำเลยทราบแล้ว ต่อมาหมดอายุสัญญาเช่าเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2492 โจทก์บอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าต่อจำเลยให้ส่งคืนสถานที่เช่าในวันที่ 15 เมษายน 2492 จำเลยเพิกเฉยอยู่ต่อมาโดยละเมิดทำให้โจทก์เสียหาย ขอขับไล่จำเลยและบริวารออกจากสถานที่เช่าและเรียกค่าเสียหาย

จำเลยให้การว่า ได้เช่าตึกรายพิพาทจากบริษัทไทยนิธิ จำกัดและจำเลยมีสิทธิอยู่ในตึกรายนี้ตลอดมา จำเลยเช่าตึกพิพาทเป็นที่อยู่อาศัย และตั้งอยู่ในทำเลที่อยู่อาศัย จำเลยได้รับความคุ้มครองจากพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน

ศาลชั้นต้นพิจารณาเห็นว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องคดี จำเลยเช่าตึกพิพาทเพื่อทำการค้าใช้ยี่ห้อว่า เรเดียวแล๊บ ทำการจำหน่ายและซ่อมเครื่องรับวิทยุ เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องจักรกล และของใช้เบ็ดเตล็ด จำเลยไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน พิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่เช่ารายพิพาท ให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 600 บาท และต่อไปเดือนละ 300 บาทนับแต่เดือนพฤษภาคม 2492 จนกว่าจะส่งคืนสถานที่เช่ารายพิพาทให้แก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาข้อแรกว่าเป็นปัญหากฎหมายส่วนข้อ 2 ไม่รับ ว่าเป็นข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาฟังจำเลยแถลงการณ์ตรวจประชุมปรึกษา ฎีกาของจำเลยที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกานั้นมีว่า โจทก์ขายที่ดินพร้อมทั้งตึกรายพิพาทให้นางจินดาภาไปแล้ว โจทก์หมดสิทธิที่จะฟ้องจำเลยในคดีนี้ทันที นางจินดาภาจะมาร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ก็ไม่ทำให้ฟ้องที่เสียแล้วกลับเป็นฟ้องที่ชอบหาได้ไม่

ได้ความว่า โจทก์ฟ้องจำเลยคดีนี้วันที่ 28 เมษายน 2492 โจทก์ขายที่ดินพร้อมทั้งตึกเช่าที่ฟ้องขับไล่จำเลยในคดีนี้ ให้แก่นางจินดาภาเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2492 เป็นเวลาภายหลังที่โจทก์ฟ้องจำเลยในคดีนี้แล้ว วันที่ 20 มิถุนายน 2492 นางจินดาภาร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีนี้ จำเลยร้องขอตัดฟ้องของโจทก์เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2492 ว่า โจทก์หมดสิทธิดำเนินคดีนี้ต่อไปเพราะโจทก์ได้โอนขายที่ดินและตึกรายพิพาทไปแล้ว

ศาลนี้เห็นว่า การที่โจทก์ขายที่ดินกับตึกรายพิพาทไปภายหลังเมื่อได้ฟ้องจำเลยคดีนี้ขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหาย ไม่ทำให้โจทก์หมดสิทธิฟ้องร้องคดีนี้ ทั้งนางจินดาภาผู้ซื้อก็ได้รีบร้องเข้าเป็นโจทก์ร่วมด้วยอีก ยิ่งทำให้ฟ้องของโจทก์สมบูรณ์ตามกฎหมายฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น ศาลฎีกาคงพิพากษายืน โจทก์ไม่แก้ฎีกาค่าทนายชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share