แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดฐานลักลอบนำของต้องห้ามออกนอกราชอาณาจักรนั้น เมื่อใดการกระทำจะพ้นชั้นตระเตรียมเข้าสู่ชั้นพยายามกระทำความผิดแล้วหรือไม่ย่อมจะต้องพิเคราะห์ดูว่า ขณะถูกจับนั้นการกระทำอยู่ในลักษณะที่ใกล้ชิดความผิดจวนจะสำเร็จลงแล้วหรือยัง จะถือเอาระยะทางใกล้ไกลจากพรมแดนเท่าใดเป็นเกณฑ์วินิจฉัยไม่ได้
การจ่ายเงินค่าสินบลค่ารางวัลแก่ผู้นำจับและผู้จับตาม พ.ร.บ.ควบคุมการส่งออกไปนอกและนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง(ฉบับที่ 3) มาตรา 3 นั้น ถ้าหากศาลใช้ดุลยพินิจลงโทษจำคุกสถานเดียวตามกฎหมายอาญา ม.23 ศาลก็ย่อมยกคำขอนั้นเสีย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกสมคบกันพยายามส่งผ้าอันเป็นสินค้าประเภทซึ่งต้องห้ามตาม พ.ร.บ.ควบคุมการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง พ.ศ.๒๔๙๐ (ฉบับที่ ๑๓ ) ออกไปนอกราชอาณาจักรไทย ขอให้ลงโทษและจ่ายค่าสินบลค่ารางวัลแก่ผู้นำจับและผู้จับ
จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดี
ตามทางพิจารณาศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงพ้องกับศาลล่างทั้งสองว่า จำเลยขนย้ายผ้าโดยเจตนาจะนำออกไปนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ตรงที่ถูกจับห่างหลักเขตต์แดนประมาณ ๔ ก.ม.
ศาลชั้นต้นเห็นว่าการกระทำของจำเลยยังไม่พ้นเขตต์ตระเตรียม พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อถูกจับจำเลยเดินทางไปแล้วถึง ๕ ก.ม. มุ่งหน้าไปสู่ชายแดน ยังเหลืออีกสัก ๓ ก.ม.ก็สุดทางที่จะบรรทุกของไปได้ด้วยพาหนะล้อเลื่อนหรือเกวียน ต่อจากนั้นก็ต้องขึ้นคอยใช้คนหาบหามหรือม้าต่างอีกราว ๖ ก.ม. ก็ถึงหลักเขตต์แดน นับว่าอยู่ในลักษณะใกล้ชิดกับความผิดสำเร็จ จะถือเอาระยะทางว่ายังห่างหลักเขตต์ถึง ๙ ก.ม. ยังห่างไกลต่อความผิดสำเร็จดูจะหละหลวมและไม่แน่นอนและจะถือเอาขณะคาบเส้นจะออกจากเส้นพรมแดนก็เห็นได้ชัดว่าเกินกว่าเหตุ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามแล้ว จึงพิพากษากลับว่า จำเลยผิดฐานพยายามส่งสินค้าต้องห้ามออกนอกราชอาณาจักรไทย ตาม พ.ร.บ.ควบคุมการส่งออกไปนอกและนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๙๐ ม.๓ พ.ร.บ. (ฉบับที่ ๑๓) พ.ศ. ๒๔๙๐ ม.๕ และก.ม.อาญา ม.๖๐ จำคุก ๒ ปี เรื่องนี้ศาลใช้ดุลยพินิจลงโทษจำคุกสถานเดียวตามกฎหมายลักษณะอาญา ม.๒๓ จึงให้ยกคำขอค่าสินบลค่ารางวัลแก่ผู้นำจับและผู้จับเสีย