แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายเป็นพนักงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย มีหน้าที่เป็นพนักงานกำกับการเดินรถ เริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่เวลา 00.00นาฬิกาถึง 8.00 นาฬิกา ในวันรุ่งขึ้น วันเกิดเหตุผู้ตาย ไปถึงย่านปล่อยรถเวลา 21 นาฬิกาเศษ เพื่อรอโดยสารรถยนต์ของเพื่อนร่วมงานไปยังหอควบคุมการเดินรถซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 600 เมตร รออยู่จนกระทั่ง 22 นาฬิกาก็ยังไม่มาผู้ตายจึงเดินไปเอง หลังจากนั้นประมาณ 5 นาทีผู้ตายถูกยิงถึงแก่ความตาย ดังนี้ ถือว่าผู้ตายถูกยิงตายก่อนเริ่มลงมือทำงาน ถือไม่ได้ว่าผู้ตายถูกฆ่าตายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างหรือป้องกันรักษาประโยชน์ให้แก่นายจ้าง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๒๔ จำเลยได้มีคำสั่งอุทธรณ์เงินทดแทนที่ ๒๗/๒๕๒๔ ว่า นายพายัพสามีโจทก์ถูกยิงตายในเขตการรถไฟแห่งประเทศไทยนายจ้างเป็นระยะเวลาก่อนถึงกำหนดเวลาทำงาน โดยลูกจ้างยังมิได้ลงมือทำงาน หรือถูกยิงตายเนื่องจากป้องกันรักษาประโยชน์แก่นายจ้าง การรถไฟแห่งประเทศไทยในฐานะนายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าทดแทนให้แก่โจทก์ คำวินิจฉัยของจำเลยไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริง เหตุที่นายพายัพถูกยิงตายนั้นเกิดจากนายพายัพกับคนร้ายลักปูนซีเมนต์ในรถไฟที่ย่านบางซื่อเมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๒๐เพื่อป้องกันรักษาประโยชน์ของการรถไฟแห่งประเทศไทยนายจ้างและถูกพวกคนร้ายอาฆาตข่มขู่และลอบฆ่าขณะที่นายพายัพเดินตรวจความเรียบร้อยในบริเวณการรถไฟแห่งประเทศไทยในเขตความรับผิดชอบของนายพายัพ ก่อนขึ้นปฏิบัติงานบนหอควบคุมการเดินรถบางซื่อ ขอให้ศาลเพิกถอนคำวินิจฉัยของจำเลยและสั่งให้การรถไฟแห่งประเทศไทยจ่ายค่าทดแทนให้แก่โจทก์เดือนละ ๒,๙๕๒ บาท นับตั้งแต่วันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๒๑ เป็นต้นไปมีกำหนดระยะเวลา ๕ ปี และจ่ายค่าทำศพให้แก่โจทก์๕,๐๐๐ บาท
จำเลยทั้งสองให้การว่า นายพายัพถูกคนร้ายลอบยิงถึงแก่ความตายก่อนถึงกำหนดทำงานประมาณ ๒ ชั่วโมง ไม่มีหลักฐานว่าถูกคนร้ายลอบยิงเพราะสาเหตุจากการจับคนร้ายลักปูนซีเมนต์ในรถไฟดังโจทก์อ้าง นายพายัพจึงมิได้ถึงแก่ความตาย เนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างหรือป้องกันรักษาประโยชน์ให้แก่นายจ้างอันเป็นการประสบอันตรายตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๑๕ การรถไฟแห่งประเทศไทยนายจ้างไม่ต้องจ่ายเงินทดแทนให้โจทก์คำสั่งจำเลยที่ ๑ ชอบแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งเรียกการรถไฟแห่งประเทศไทยเข้ามาเป็นจำเลยร่วม
จำเลยร่วมให้การด้วยวาจาว่า นายพายัพมิได้ถึงแก่ความตายเนื่องจากการทำงานหรือป้องกันรักษาประโยชน์ให้แก่จำเลยร่วมผู้เป็นนายจ้าง จำเลยร่วมจึงไม่ต้องรับผิดจ่ายเงินทดแทนให้โจทก์
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า ยังฟังไม่ได้ว่านายพายัพถึงแก่ความตายเนื่องจากการทำงานหรือรักษาผลประโยชน์ให้แก่จำเลยร่วม ที่จำเลยวินิจฉัยว่านายพายัพลูกจ้างมิได้ประสบอันตรายตามความหมายแห่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ซึ่งจำเลยร่วมในฐานะนายจ้างจะต้องรับผิดจ่ายเงินทดแทนให้แก่โจทก์จึงชอบแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินทดแทนจากจำเลยร่วม พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ที่จำเลยอุทธรณ์ว่าแม้ผู้ตายจะถูกยิงตายเมื่อเวลา ๒๒ นาฬิกาเศษ โดยในวันเกิดเหตุผู้ตายจะต้องเข้าเวรตั้งแต่เวลา ๐๐.๐๐ นาฬิกา ถึง ๘.๐๐ นาฬิกา ในวันรุ่งขึ้นก็ต้องถือว่าผู้ตายได้เริ่มลงมือทำงานให้กับนายจ้างแล้ว เพราะผู้ตายมีหน้าที่เป็นพนักงานกำกับรถ การที่ผู้ตายไปตรวจดูบัญชีรถข้าวโพดจึงเป็นการทำงานให้กับนายจ้าง ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของผู้ตายเองนั้น เห็นว่าในทางปฏิบัติพนักงานควบคุมการเดินรถจะต้องมาถึงที่ทำงานก่อนเวลาทำงานตามกะประมาณ ๑ ชั่วโมง เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยของการรถไฟที่จะต้องรับผิดชอบก่อนรับงานเพื่อความสะดวกในการทำงานเมื่อถึงกะของตน ได้ความว่าวันเกิดเหตุผู้ตายไปถึงย่านปล่อยรถเวลา ๒๑ นาฬิกาเศษและไปคุยอยู่กับนายศิลป์ผู้ช่วยนายสถานีย่านบางซื่อเพื่อรอรถยนต์โดยสารของเพื่อนร่วมงานไปยังหอควบคุมการเดินรถซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ ๖๐๐ เมตร รออยู่จนกระทั่ง ๒๒ นาฬิกา เพื่อนที่มีรถยนต์ยังไม่มาผู้ตายจึงเดินไปเอง หลังจากนั้นประมาณ ๕ นาที ผู้ตายก็ถูกยิงถึงแก่ความตาย ดังนี้ต้องถือว่าผู้ตายถูกยิงตายก่อนเวลาเริ่มลงมือทำงานให้นายจ้าง นอกจากนี้การเดินทางไปยังหอควบคุมการเดินรถก็ไม่ใช่การตรวจความเรียบร้อยก่อนเข้าทำงานตามกะ เนื่องจากรางรถไฟในความรับผิดชอบมีถึง ๒๓ รางและมีความยาวประมาณ ๖๐๐ เมตร ไม่สามารถเดินตรวจดูให้เสร็จภายใน๑ ชั่วโมง พยานโจทก์เองก็เบิกความว่า การตรวจความเรียบร้อยก่อนเข้ารับงานตามกะนั้นผู้ตรวจจะยืนตรวจบนหอควบคุมการเดินรถ ถ้ามีความสงสัยจุดไหน บริเวณไหนจึงจะไปตรวจบริเวณนั้น ด้วยเหตุนี้แม้จะยกข้อเท็จจริงที่ว่าวันเกิดเหตุผู้ตายไปตรวจดูบัญชีรถข้าวโพดขึ้นวินิจฉัยก็ยังถือไม่ได้ว่าผู้ตายถูกฆ่าตายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างหรือป้องกันรักษาผลประโยชน์ให้แก่นายจ้าง
พิพากษายืน