คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 249/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

รถยนต์ของจำเลยชนกับรถยนต์ของผู้อื่นเสียหาย เขาได้มีหนังสือมาขอให้ใช้ค่าเสียหายแก่เขา จำเลยไปติดต่อแล้ว แต่ว่าจะปรึกษากันดูก่อนครั้นแล้วกลับเอาที่ดินของจำเลยไปขายให้แก่พี่ชาย เพื่อป้องกันมิให้ถูกยึดทรัพย์ ถ้าแพ้คดีแก่เขา ซึ่งพี่ชายผู้รับซื้อก็ทราบดี ดังนี้ เมื่อเขาชนะคดีในเรื่องเรียกค่าเสียหายเพราะรถยนต์จำเลยชนรถยนต์ของเขาแล้ว เขามีสิทธิขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายระหว่างจำเลยกับพี่ชายเสียได้

ย่อยาว

โจทย์ฟ้องว่า โจทก์ชนะคดีจำเลยที่ ๑ ได้บังคับยึดทรัพย์จำเลยที่ ๑ จึงปรากฎว่าที่ดินโฉนดที่ ๔๑๓๓ ของจำเลยที่ ๑ ได้โอนขายให้จำเลยที่ ๒ โดยสมยอมกัน จึงขอให้ศาลแสดงและถอนชื่อจำเลยที่ ๒ ออกจากเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ
จำเลยต่อสู้ว่า การซื้อขายเป็นไปโดยสุจริตและชอบด้วกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้สัญญาซื้อขายที่พิพาทระหว่างจำเลย เป็นโมฆะใช้ไม่ได้ ให้ถอนชื่อจำเลยที่ ๒ ออกให้จำเลยที่ ๑ ถือกรรมสิทธิตามเดิม
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ได้ความว่า รถยนต์ของจำเลยชนกับรถยนต์ของกองทัพอากาศ ทางกองทัพอากาศว่าจำเลยที่ ๑ เป็นผู้ผิด จึงมีหนังสือถึงจำเลยที่ ๑ ให้ใช้ค่าเสียหาย จำเลยมาพบกับเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศและให้ถ้อยคำว่า จะปรึกษากันดูก่อน แล้วจำเลยที่๑ ก็ไปจัดการขายที่ดินของจำเลยที่ ๑ ให้ จำเลยที่ ๒ เสีย ไม่ไปตกลงกับโจทก์จึงฟ้องและชนะคดี จึงยึดที่ดินแปลงที่ขายดังกล่าว
จึงเห็นได้ชัดว่าจำเลยที่ ๑ เจตนาจะป้องกันมิให้ทรัพย์ของตนถูกยึดตามคำพิพากษา ส่วนจำเลยที่ ๒ ผู้เป็นพี่ชาย ก็รู้เห็นการกระทำของจำเลยที่ ๑ ด้วย
ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว คงพิพากษายืน

Share