คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 909/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นผู้ทำบัญชีในสถานที่รวบรวมฝิ่นย่อยของบริษัทซึ่งรับเหมาส่งฝิ่นดิบแก่กรมสรรพสามิตต์ ได้ควบคุมฝิ่นดิบของบริษัทโดยมีใบคุ้มครองกำกับมา แต่มีฝิ่นสุกซึ่งไม่ได้รับอนุญาตมาด้วย 11300 กรัม เมื่อปรากฎข้อเท็จจริงว่าผู้ทำบัญชีได้เป็นผู้ไปซื้อฝิ่นนี้มาจากบนดอย และนำมาบรรจุหีบที่สถานที่รวมฝิ่นย่อยและได้เป็นผู้ควบคุมมาจนถูกจับ ดังนี้ย่อมเรียกได้ว่า จำเลยเป็นผู้ “มี” ตามความหมายแห่ง พ.ร.บ.ฝิ่นแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยสมคบกันมีฝิ่นสุกหนัก ๑๑๓๐๐ กรัม ราคา ๔๕๒๐๐ บาท ไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตขอให้ลงโทษและริบฝิ่น
ข้อเท็จจริงได้ความว่า บริษัทไทยสามิตต์ได้รับมอบกิจการ เหมาส่งฝิ่นดิบให้แก่กรมสรรพสามิตต์ จำเลยที่ ๒ เป็นผู้จัดการสถานที่รวมฝิ่นย่อยของบริษัทที่กิ่งอำเภอแม่สาย จำเลยที่ ๑ เป็นผู้ทำบัญชีสถานที่รวมฝิ่นย่อยเมื่อรวบรวมฝิ่นได้มากพอแล้ว ก็เอาส่งสถานีรวมฝิ่นใหญ่ การขนส่งฝิ่นนั้นมีใบคุ้มครองที่คณะกรรมการจังหวัดออกให้ในวันเกิดเหตุ จำเลยที่ ๑ นำฝิ่นบรรทุกรถยนต์มา ๑ คัน มีฝิ่น ๒๐ หีบมาถึงบ้านแม่ดีก็ถูกตำรวจจับ ปรากฎว่านอกจากฝิ่นดิบตามใบคุ้มครองแล้วยังมีฝิ่นสุก ๒ กระป๋องหนัก ๑๑๓๐๐ กรัม ซึ่งเป็นฝิ่นที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้องโดยปรับคนละ ๕ เท่าราคาฝิ่น จำคุกคนละ ๒ ปี ของกลางริบ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๒ นอกนั้นยืน
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๒
จำเลยที่ ๑ ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าฝิ่นรายนี้เป็นของบริษัทไทยสามิตต์ จำเลยที่ ๑ เป็นเพียงผู้ควบคุมมาเท่านั้น
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงปรากฎชัดว่าจำเลยที่ ๑ เป็นผู้ไปซื้อฝิ่นมาจากบนดอย และนำมาบรรจุหีบที่สถานรวมฝิ่นย่อยและได้เป็นผู้ควบคุมมาจนถูกจับ หาใช่เป็นเพียงผู้รับขนส่งเท่านั้นไม่ กรณีเช่นนี้ย่อมเรียกได้ว่า จำเลยเป็นผู้ “มี” ตามความใน พ.ร.บ.ฝิ่นแล้ว
ส่วนคดีสำหรับจำเลยที่ ๒ ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ ๒ รู้เห็นด้วยจึงพิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยที่ ๒ ด้วย ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share