แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ป.วิ.พ. มาตรา 27 วรรคสอง ที่บัญญัติว่า ข้อค้านเรื่องผิดระเบียบนั้น คู่ความฝ่ายที่เสียหายอาจยกขึ้นว่ากล่าวได้ไม่ว่าเวลาใด ๆ ก่อนมีคำพิพากษา แต่ต้องไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่วันที่คู่ความฝ่ายนั้นได้ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างนั้น บัญญัติขึ้นใช้กับกรณีที่คู่ความฝ่ายที่เสียหายได้ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างนั้น บัญญัติขึ้นใช้กันกรณีที่คู่ความฝ่ายที่เสียหายได้ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งของการผิดระเบียบนั้นก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเท่านั้น มิอาจใช้แก่กรณีที่คู่ความฝ่ายที่เสียหายเพิ่งทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างของการผิดระเบียบนั้นภายหลังที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว
เมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องส่งสำเนาคำร้องขอให้แก่ผู้มีชื่อในโฉนดหรือทายาท ผู้ร้องยื่นคำแถลงว่า ทายาทของผู้มีชื่อในโฉนดหายสาบสูญ ไม่ทราบที่อยู่แน่นอน ส่วนผู้มีชื่อในโฉนด ถึงแก่กรรมแล้ว ของดส่งสำเนาคำร้องขอให้ผู้มีชื่อในโฉนดและทายาท ศาลชั้นต้นอนุญาต คงมีแต่ประกาศคำร้องขอทางหนังสือพิมพ์สายกลางและปิดประกาศคำร้องขอไว้ ณ บริเวณที่ทรัพย์ตั้งอยู่ ร้านค้าในหมู่บ้านอันเป็นที่ชุมชน ใกล้เคียงที่ทรัพย์ตั้งอยู่ หน้าที่ว่าการอำเภอและหน้าศาลชั้นต้นเท่านั้น หากได้ความว่าผู้คัดค้านซึ่งเป็นทายาทของผู้มีชื่อในโฉนดมีภูมิลำเนาแน่นอน การส่งคำคู่ความด้วยวิธีการดังกล่าวข้างต้นย่อมไม่ชอบ การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้ร้องงดส่งสำเนาคำร้องขอให้ผู้คัดค้านก็เนื่องจากเชื่อตามคำแถลงของผู้ร้องว่าทายาทของผู้มีชื่อในโฉนดสาบสูญไปซึ่งไม่เป็นความจริง จึงเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. ในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมในเรื่องการส่งคำคู่ความ ในกรณีเช่นนี้ เมื่อความปรากฏชัดแจ้งต่อศาลและศาลเห็นสมควร ศาลย่อมมีอำนาจสั่งให้ เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้นเสียทั้งหมดหรือบางส่วน หรือสั่งแก้ไขหรือมีคำสั่งในเรื่องนั้นอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ศาลเห็นสมควร ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ที่ดินโฉนดที่ ๑๓๑๒ เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒
ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนกระบวนการพิจารณาศาลชั้นต้นที่กระทำลงภายหลังจากที่ผู้ร้องยื่นคำร้องาขอ และให้เพิกถอนคำสั่งที่สั่งให้ผู้ร้องได้กรรสิทธิ์ในที่ดินพิพาทด้วย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลมีคำสั่งถึงที่สุดและประกอบกับไม่ปรากฏว่ามีการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามที่ผู้คัดค้านกล่าวอ้าง จึงไม่มีเหตุยกคดีขึ้นพิจารณาตามคำร้อง ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าที่ดินโฉนดที่ ๑๓๑๒ เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒ ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ผู้ร้องยื่นคำแถลงฉบับลงวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๓๒ ของดส่งสำเนาคำร้องขอให้แก่ผู้มีชื่อในโฉนดและทายาท ศาลชั้นต้นอนุญาต ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒ คดีถึงที่สุดแล้ว
มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาผู้คัดค้านว่า ที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้ร้องงดส่งสำเนาคำร้องขอให้แก่ทายาทผู้มีชื่อในโฉนดโดยมิได้ให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งคัดค้านก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๑ (๒) เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบหรือไม่ ได้ความว่า เมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ ผู้ร้องส่งสำเนาคำร้องขอให้แก่ผู้มีชื่อในโฉนดหรือทายาท ผู้ร้องยื่นคำแถลงว่า นายทองคำ ติเยาว์ ทายาทของผู้มีชื่อ ในโฉนดหายสาบสูญ ไม่ทราบที่อยู่แน่นอน ส่วนผู้มีชื่อในโฉนดถึงแก่กรรมแล้ว ของดส่งสำเนาคำร้องขอให้ผู้มีชื่อในโฉนดหรือทายาท ศาลชั้นต้นอนุญาต ดังนั้นผู้ร้องจึงมิได้ส่งสำเนาคำร้องขอให้แก่ทายาทของผู้มีชื่อในโฉนดคือผู้คัดค้าน คงมีแต่ประกาศคำร้องขอทางหนังสือพิมพ์สายกลางและปิดประกาศคำร้องขอไว้ ณ บริเวณที่ทรัพย์ตั้งอยู่ ร้านค้าใน หมู่บ้านอันเป็นที่ชุมชนใกล้เคียงที่ทรัพย์ตั้งอยู่ หน้าที่ว่าการอำเภอ และหน้าศาลชั้นต้นเท่านั้น เห็นว่าหากได้ความว่า ผู้คัดค้านมีภูมิลำเนาแน่นอนส่งคำคู่ความด้วยวิธีการดังกล่าวข้างต้นย่อมไม่ชอบ การที่ผู้คัดค้านยื่นคำร้องว่า ผู้คัดค้านไม่ทราบว่าผู้ร้องยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ เนื่องจากผู้คัดค้านมิได้อ่านหนังสือพิมพ์สายกลางและผู้คัดค้าน มีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัดจึงแสดงชัดแจ้งว่าทายาทของผู้มีชื่อในโฉนดหรือผู้คัดค้านมิได้สาบสูญไปดังที่ผู้ร้องแถลงต่อศาลชั้นต้น ที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้ร้องงดส่งสำเนาคำร้องขอให้ทายาทของผู้มีชื่อในโฉนดหรือผู้คัดค้านก็เนื่องจากศาลชั้นต้นเชื่อตามคำแถลงของผู้ร้องว่าทายาทของผู้มีชื่อในโฉนดสาบสูญไปนานแล้วนั่นเอง ซึ่งไม่เป็นความจริง จึงเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมในเรื่องการส่งคำคู่ความ ที่ศาลชั้นต้นมีความเห็นว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งถึงที่สุดแล้วจึงไม่มีเหตุยกคดีขึ้นพิจารณาอีกนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๒๗ วรรคสอง บัญญัติว่า “
ข้อค้านเรื่องผิดระเบียบนั้น คู่ความฝ่ายที่เสียหายอาจยกขึ้นว่ากล่าวได้ไม่ว่าเวลาใด ๆ ก่อนมีคำพิพากษา แต่ต้องไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่วันที่คู่ความฝ่ายนั้นได้ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างนั้น
” ย่อมเห็นได้ว่าบัญญัติขึ้นใช้กับกรณีที่ คู่ความฝ่ายที่เสียหายได้ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างของการผิดระเบียบนั้นก่อศาลชั้นต้นมี คำพิพากษาเท่านั้น มิอาจใช้แก่กรณีที่คู่ความฝ่ายที่เสียหายเพิ่งทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างของการผิดระเบียบนั้นภายหลังที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว อนึ่ง ในกรณีเช่นที่กล่าวมาข้างต้นนี้ เมื่อความปรากฏชัดแจ้งต่อศาลและศาลเห็นสมควร ศาลย่อมมีอำนาจสั่งให้เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้นเสียทั้งหมดหรือบางส่วน หรือสั่งแก้ไขหรือมีคำสั่งในเรื่องนั้นอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ศาลเห็นสมควร ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗ วรรคหนึ่ง
พิพากษากลับ ให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ผู้ร้องงดส่งสำเนาคำร้องขอแก่ทายาทผู้มีชื่อในโฉนดตาม คำแถลงฉบับลงวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๓๒ และเพิกถอนกระบวนพิจารณาหลังจากนั้นเป็นต้นไป ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาชั้นส่งคู่ความใหม่ แล้วไต่สวนและมีคำสั่งต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำสั่งใหม่