คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 798/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ซื้อฝากที่ดินเพิ่งรู้ว่าถูกผู้ขายฝากฉ้อโกง (โดยนำที่ดินของผู้อื่นมาขายฝาก)เมื่อพ้นกำหนดไถ่แล้ว ดังนี้ อายุความ (3 เดือน) ขอให้ดำเนินคดีเริ่มนับตั้งแต่วันที่ผู้ซื้อฝากรู้เรื่องว่าตนถูกฉ้อโกง มิใช่เริ่มนับตั้งแต่วันที่กรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ขายฝากตกเป็นของผู้ซื้อฝาก

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์และโจทก์ร่วมฟ้องว่าจำเลยใช้อุบายหลอกลวงขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้ผู้เสียหาย (โจทก์ร่วม) ขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑ และขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย โจทก์กล่าวฟ้องว่าผู้เสียหายทราบความผิดของจำเลยเมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๐๖ ได้ร้องทุกข์ขอให้ดำเนินคดีเมื่อวันที่ ๑๔พฤษภาคม ๒๕๐๖
จำเลยให้การภาคเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๑ ให้จำคุกจำเลย ๔ เดือน ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินหกหมื่นแก่โจทก์ร่วมนอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาว่า (โจทก์ร่วมจำเลยจดทะเบียนทำนิติกรรมขายฝากวันที่๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๐๔ กำหนดไถ่ถอน ๑ ปี) การขายฝากกรรมสิทธิ์ในที่ดินของจำเลยตกเป็นของโจทก์ร่วมตั้งแต่วันทำสัญญาขายฝาก โจทก์ร่วมจึงทราบการกระทำของจำเลยตั้งแต่ระหว่างวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๐๔ ถึง๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๐๕ หาใช่โจทก์ร่วมเพิ่งทราบเมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๐๖ดังฟ้องไม่ คดีจึงขาดอายุความ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่าความผิดฐานฉ้อโกงเป็นความผิดอันยอมความได้ผู้เสียหายจะต้องร้องทุกข์ภายใน ๓ เดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิด และรู้ตัวผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๖
คดีนี้ ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์ร่วมเพิ่งทราบภายหลังจากขายฝากครบกำหนดไถ่แล้วจำเลยไม่ไถ่ และต่อมามีนายมาโนชมาอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โจทก์ร่วมจึงรู้ว่าถูกจำเลยหลอกลวงให้ทำสัญญา อายุความในการร้องทุกข์ขอให้ดำเนินคดี จึงเริ่มนับแต่วันที่โจทก์ร่วมรู้เรื่องในตอนนี้ หาใช่เริ่มนับตั้งแต่กรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ขายฝากตกเป็นของโจทก์ร่วมตั้งแต่วันทำสัญญาขายฝากไม่
พิพากษายืน

Share