คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7950/2551

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ยกฟ้องโจทก์อ้างเหตุว่าจำเลยไม่ได้โต้แย้งสิทธิโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง โดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิโจทก์แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์และจำเลยแล้ววินิจฉัยว่าจำเลยไม่ได้โต้แย้งสิทธิโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องโดยมีเนื้อหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเช่นเดียวกับคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ศาลฎีกาเคยมีคำพิพากษาไปแล้ว จึงเป็นการวินิจฉัยในเนื้อหาเช่นเดียวกันกับที่ศาลฎีกาได้วินิจฉัยดังกล่าว อันเป็นกรณีที่เห็นได้ชัดเจนว่าศาลชั้นต้นยกเรื่องอื่นขึ้นโต้แย้งคำพิพากษาศาลฎีกาในประเด็นที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาไปแล้ว โดยพยายามเบี่ยงเบนให้เกิดเป็นประเด็นใหม่ขึ้นในเรื่องอำนาจฟ้องแล้วสรุปทำนองว่าโจทก์มิได้ถูกโต้แย้งสิทธิจึงไม่มีอำนาจฟ้อง ซึ่งเป็นการพิพากษาซ้ำซ้อนกับคำพิพากษาเดิมของศาลชั้นต้น เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ยอมดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ให้เป็นไปตามประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีตามคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวข้างต้น จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกคำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายเงินชดเชยความเสียหายแก่โจทก์จำนวน 1,164,000 บาท กับให้จำเลยจ่ายเงินประกันจำนวน 10,000 บาท คืน พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและชั้นฎีกาให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้จึงมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์และจำเลยแล้วพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและชั้นฎีกาให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาคณะคดีปกครองวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาจะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า คำพิพากษาของศาลชั้นต้นฉบับลงวันที่ 26 กรกฎาคม 2548 ชอบแล้วหรือไม่ เห็นว่า ตามคำฟ้อง คำให้การ คดีมีประเด็นข้อพิพาทโต้แย้งกันว่า จำเลยหรือตัวแทนของจำเลยมีคำสั่งให้โจทก์หยุดทำกิจการทำไม้ป่าชายเลนที่ได้รับสัมปทานตามสัญญาสัมปทานทำไม้ป่าชายเลน เป็นการชั่วคราวอันจะเป็นเหตุให้จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาสัมปทานทำไม้ป่าชายเลนกับโจทก์หรือไม่ และจะต้องจ่ายเงินชดเชยความเสียหายกับคืนเงินประกันในการที่จะต้องชำระเบี้ยปรับตามเงื่อนไขในสัมปทานให้แก่โจทก์หรือไม่ เพียงใด อันเป็นประเด็นข้อพิพาทที่ศาลชั้นต้นจะต้องพิจารณาวินิจฉัยจากพยานหลักฐานที่คู่ความทั้งสองฝ่ายต้องนำสืบก่อน แล้วพิพากษาใหม่ต่อไปตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10878/2546 โดยมิได้มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยซ้ำอีกว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เพราะในเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์นั้น ศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้แล้วตามคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวว่า แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่าคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ทำไม้ป่าชายเลนได้ต่อไปจนหมดอายุสัมปทานก็ตาม แต่มติดังกล่าวได้เกิดมีขึ้นภายหลังจากที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้แล้ว และคำสั่งให้โจทก์หยุดกิจการทำไม้ป่าชายเลนที่ได้รับสัมปทานซึ่งไม่ว่าจำเลยโดยรัฐมนตรีสั่งการโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี หรือป่าไม้เขตนครศรีธรรมราชและป่าไม้จังหวัดกระบี่ซึ่งเป็นข้าราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้สั่งการก็มีผลทำให้โจทก์ต้องหยุดกิจการทำไม้ป่าชายเลน อันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ซึ่งเนื้อหาตามคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวได้ครอบคลุมข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยไว้ในคำพิพากษาของศาลชั้นต้นฉบับลงวันที่ 26 กรกฎาคม 2548 ทั้งหมดแล้ว ฉะนั้นการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยและวินิจฉัยในคำพิพากษาดังกล่าวว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มิได้ออกคำสั่งให้ระงับการทำไม้ป่าชายเลนที่ได้รับสัมปทานตามขั้นตอนของกฎหมายเนื่องจากมีมติคณะรัฐมนตรีในภายหลังดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น จึงเป็นการวินิจฉัยในเนื้อหาเช่นเดียวกันกับที่ศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้ดังกล่าวแล้วข้างต้นนั่นเอง อันเป็นกรณีที่เห็นได้ชัดเจนว่าศาลชั้นต้นยกเรื่องอื่นขึ้นโต้แย้งคำพิพากษาศาลฎีกาในประเด็นที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาไปแล้ว โดยพยายามเบี่ยงเบนให้เกิดเป็นประเด็นใหม่ขึ้นในเรื่องอำนาจฟ้องแล้วสรุปทำนองว่า โจทก์มิได้ถูกโต้แย้งสิทธิจึงไม่มีอำนาจฟ้อง ซึ่งเป็นการพิพากษาซ้ำซ้อนกับคำพิพากษาเดิมของศาลชั้นต้น ฉบับลงวันที่ 14 มีนาคม 2545 เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ยอมดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ให้เป็นไปตามประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีตามคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวข้างต้น จึงเป็นการไม่ชอบ อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์ จำเลยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่

Share