คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1814/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ธนบัตร เหรียญ สร้อยคอทองคำ และสร้อยข้อมือทองคำ ของกลางที่โจทก์ขอให้ริบ โจทก์กล่าวอ้างมาในคำฟ้องและคำฟ้องฎีกาว่า เป็นทรัพย์ที่จำเลยได้มาจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนก่อนหน้านี้ ของกลางดังกล่าวเมื่อมิใช่เครื่องมือ เครื่องใช้ ยานพาหนะ หรือวัตถุอื่น ซึ่งได้ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 102 และไม่ใช่ทรัพย์สินที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่า ผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิด หรือได้มาโดยกระทำความผิดซึ่งหมายถึงเฉพาะความผิดที่กระทำในคดีนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32,33(2) ศาลจึงไม่ริบ
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2543)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2540 เวลากลางวัน จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 19 เม็ด น้ำหนัก1.66 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าว3 เม็ด น้ำหนัก 0.24 กรัม ให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อในราคา 300 บาท เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมด้วยธนบัตรฉบับละ 100 บาท 3 ฉบับ ที่ใช้ล่อซื้อและตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนที่เหลือจากการจำหน่าย 16 เม็ด กับที่จำหน่ายให้แก่สายลับผู้ล่อซื้ออีก 3 เม็ด นอกจากนี้ยังได้ธนบัตรและเหรียญต่าง ๆ 9,431บาท สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท 1 เส้น สร้อยข้อมือทองคำหนัก 1 บาท 1 เส้นซึ่งเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนมาก่อนหน้านี้เป็นของกลางขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8,15, 66, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 91 ริบเมทแอมเฟตามีน ธนบัตรและเหรียญต่าง ๆ 9,431 บาท สร้อยคอทองคำและสร้อยข้อมือทองคำ ของกลาง

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง เป็นความผิด2 กระทง ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 5 ปี ฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำคุก 5 ปี รวมจำคุก 10 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 5 ปี และให้ริบเมทแอมเฟตามีน ธนบัตรและเหรียญต่าง ๆ9,431 บาท สร้อยคอทองคำและสร้อยข้อมือทองคำ ของกลาง

จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบา

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานมีไว้เพื่อจำหน่ายและจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ให้จำคุกกระทงละ 5 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกกระทงละ 2 ปี 6 เดือน รวมเป็นจำคุก 4 ปี 12 เดือน ไม่ริบธนบัตรและเหรียญต่าง ๆ 9,431 บาท กับสร้อยคอทองคำและสร้อยข้อมือทองคำของกลาง โดยให้คืนของกลางดังกล่าวแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จะพึงริบธนบัตรและเหรียญ 9,431 บาท สร้อยคอทองคำและสร้อยข้อมือทองคำของกลางได้หรือไม่ ในปัญหาข้อนี้ โจทก์ขอให้ริบทรัพย์ดังกล่าว โดยกล่าวอ้างมาในคำฟ้องและคำฟ้องฎีกาว่า เป็นทรัพย์ที่จำเลยได้มาจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนก่อนหน้านี้โดยโจทก์อ้างอิงบทกฎหมายพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 102 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32, 33(2) ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่าของกลางดังกล่าวไม่ใช่เครื่องมือ เครื่องใช้ ยานพาหนะ หรือวัตถุอื่น ซึ่งได้ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 102 และไม่ใช่ทรัพย์สินที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่า ผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยกระทำความผิด ซึ่งหมายถึงเฉพาะความผิดที่กระทำในคดีนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33(2)จึงยังไม่อาจริบได้ตามขอ

พิพากษายืน

Share