คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7933-7934/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องที่ 1 ขอจัดการมรดกตามพินัยกรรม ผู้คัดค้านอ้างว่าพินัยกรรมดังกล่าวเป็นพินัยกรรมปลอม จึงเป็นข้อโต้เถียงกันอยู่ รับฟังเป็นยุติไม่ได้ว่าพินัยกรรมปลอมหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญและเป็นประเด็นโดยตรงที่ศาลชั้นต้นต้องวินิจฉัย เพราะหากฟังได้ว่าเป็นพินัยกรรมปลอม ผู้ร้องที่ 1 ก็มิใช่ผู้มีส่วนได้เสียที่จะร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก ผู้ร้องที่ 1 มีหน้าที่นำสืบ ส่วนผู้คัดค้านย่อมนำสืบหักล้างความมีอยู่ของพินัยกรรม การที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้ผู้คัดค้านสืบพยาน จึงเป็นการมิชอบ เป็นกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27

ย่อยาว

คดีสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกัน โดยให้เรียกผู้ร้องในสำนวนแรกซึ่งเป็นผู้คัดค้านที่ 1 ในสำนวนหลังว่า ผู้ร้องที่ 1 เรียกผู้คัดค้านที่ 2 ผู้คัดค้านที่ 3 ผู้คัดค้านที่ 4 และผู้คัดค้านที่ 5 ในสำนวนหลังว่า ผู้ร้องที่ 2 ถึงที่ 5 ตามลำดับ และเรียกผู้ร้องสำนวนหลังซึ่งเป็นผู้คัดค้านในสำนวนแรกว่า ผู้คัดค้าน
ผู้ร้องที่ 1 ยื่นคำร้องขอและแก้ไขคำร้องขอในสำนวนแรกและผู้ร้องทั้งห้ายื่นคำคัดค้านในสำนวนหลังเป็นใจความขอให้ยกคำร้องขอของผู้คัดค้านและให้ตั้งผู้ร้องที่ 1 และที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอในสำนวนหลังและยื่นคำคัดค้านในสำนวนแรกใจความขอให้ยกคำร้องขอของผู้ร้องที่ 1 และตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกคำร้องขอของผู้ร้องที่ 1 และคำร้องขอของผู้คัดค้าน ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองฝ่ายให้เป็นพับ
ผู้ร้องทั้งห้าและผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการนัดพร้อมเพื่อกำหนดวันนัดสืบพยานผู้ร้องและผู้คัดค้านในประเด็นแห่งคดีแล้วมีคำพิพากษาตามรูปคดีต่อไป คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดแก่ผู้ร้องทั้งห้าและผู้คัดค้าน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องที่ 1 ถึงที่ 5 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นายจิรายุหรือจิรายุทธ์ถึงแก่ความตาย ผู้ร้องที่ 1 จึงยื่นคำร้องขอจัดการมรดกตามพินัยกรรม โดยผู้ร้องที่ 1 อ้างว่าผู้ตายทำพินัยกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินและตั้งผู้ร้องที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดก ส่วนผู้คัดค้านเป็นภริยาของผู้ตาย ก็ยื่นคำร้องขอจัดการมรดกเช่นเดียวกัน โดยอ้างว่าลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรมมิใช่ลายมือชื่อของผู้ตาย ในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น ได้ส่งพินัยกรรมไปตรวจเปรียบเทียบลายมือของผู้ตาย ผู้ตรวจพิสูจน์มีความเห็นว่า เป็นลายมือชื่อของบุคคลเดียวกัน ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีคงมีประเด็นเพียงว่าฝ่ายใดสมควรเป็นผู้จัดการมรดก ส่วนเรื่องพินัยกรรมปลอมหรือไม่ เมื่อผู้คัดค้านโต้แย้งในเรื่องนี้ ก็ให้ไปดำเนินคดีต่างหาก และศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกคำร้องขอของผู้ร้องที่ 1 และคำร้องขอของผู้คัดค้าน โดยมิได้ตั้งฝ่ายใดเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้ ผู้ร้องทั้งห้าและผู้คัดค้านอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาในประเด็นแห่งคดีแล้วมีคำพิพากษาตามรูปคดีต่อไป ส่วนเรื่องพินัยกรรมปลอมหรือไม่ ผู้คัดค้านได้นำคดีไปฟ้องยังศาลแพ่งกรุงเทพใต้ และในที่สุดศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคดีของผู้คัดค้านเป็นฟ้องซ้อนต้องห้าม โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องที่ 1 ถึงที่ 5 ว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ผู้ร้องที่ 1 ขอจัดการมรดกตามพินัยกรรม ผู้คัดค้านอ้างว่าพินัยกรรมดังกล่าวเป็นพินัยกรรมปลอม จึงเป็นข้อโต้เถียงกันอยู่ รับฟังเป็นยุติไม่ได้ว่าพินัยกรรมปลอมหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญและเป็นประเด็นโดยตรงที่ศาลชั้นต้นต้องวินิจฉัย เพราะหากฟังได้ว่าเป็นพินัยกรรมปลอม ผู้ร้องที่ 1 ก็มิใช่ผู้มีส่วนได้เสียที่จะร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก ผู้ร้องที่ 1 มีหน้าที่นำสืบ ส่วนผู้คัดค้านย่อมนำสืบหักล้างความมีอยู่ของพินัยกรรม การที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้ผู้คัดค้านสืบพยานจึงเป็นการมิชอบ เป็นกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยมาโดยละเอียดแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องที่ 1 ถึงที่ 5 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำสั่งใหม่

Share