คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1963/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ภารจำยอมเป็นทรัพยสิทธิที่กฎหมายก่อตั้งขึ้นสำหรับเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 4 ลักษณะ 4 ฉะนั้น ผู้ที่จะฟ้องบังคับภารจำยอมได้ต้องเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น ที่ดินที่โจทก์ครอบครองเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินซึ่งเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน อยู่ทางทิศเหนือของที่ดินจำเลยที่ 2 และที่ 1 โจทก์ไม่ใช่เจ้าของอสังหาริมทรัพย์คือที่ดินที่โจทก์ครอบครองอยู่โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองว่าที่ดินของจำเลยทั้งสองตกอยู่ในภารจำยอมเกี่ยวกับทางเดินหรือทางรถยนต์ของที่ดินที่โจทก์ครอบครอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินมือเปล่าติดกับที่ดินมีโฉนดของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 โจทก์และบริวารได้เดินหรือใช้รถยนต์แล่นผ่านที่ดินของจำเลยทั้งสองโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาให้เกิดทางภารจำยอมออกสู่ทางสาธารณะเป็นเวลาติดต่อกันกว่า 50 ปี ต่อมา จำเลยที่ 1และจำเลยที่ 2 ได้ปิดกั้นทางภาระจำยอมมิให้โจทก์และบริวารเดิน ขอให้พิพากษาว่าทางเดินของจำเลยทั้งสองเป็นภารจำยอมให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 รื้อถอนรั้วออก
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะที่ดินที่โจทก์อาศัยอยู่ตามฟ้องเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินทางพิพาทไม่เป็นทางภารจำยอม
ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 6853 ตำบลหนองหลวงอำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก เป็นของจำเลยที่ 2 ทางด้านทิศใต้ของที่ดินแปลงนี้จดที่ดินโฉนดเลขที่ 5664 ของจำเลยที่ 1 และทางด้านทิศเหนือของที่ดินจำเลยที่ 2 จดที่ดินที่โจทก์ครอบครองเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินโจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ดินที่โจทก์ครอบครองอยู่ เห็นว่าภารจำยอมเป็นทรัพย์สิทธิที่กฎหมายก่อตั้งขึ้นสำหรับเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 4ลักษณะ 4 ฉะนั้น ผู้ที่จะฟ้องบังคับภารจำยอมต้องเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น โจทก์ไม่ใช่เจ้าของอสังหาริมทรัพย์คือที่ดินที่โจทก์ครอบครองอยู่ จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองได้
พิพากษายืน

Share