คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 793/2552

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ป.พ.พ. มาตรา 1349 วรรคสาม บัญญัติถึงการที่จะผ่านที่ดินซึ่งล้อมอยู่นั้นต้องเลือกให้พอสมควรแก่ความจำเป็นของผู้มีสิทธิจะผ่าน กับทั้งให้คำนึงถึงที่ดินที่ล้อมอยู่ให้เสียหายแต่น้อยที่สุดที่จะเป็นได้ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า หากโจทก์ทั้งสามสามารถออกสู่ทางสาะรณประโยชน์ถนนสายสามค้อ-บางบ่อ ได้จะต้องผ่านที่ดินถึง 7 แปลง แต่ถ้าโจทก์ทั้งสามใช้ทางพิพาทออกสู่ทางสาธารณประโยชน์ถนนสายบางบ่อ-ทุ่งสะเดา จะผ่านที่ดินจำเลยเพียงแปลงเดียว ประกอบกับได้ความจากคำเบิกความของ ม. มารดาโจทก์ทั้งสามและจำเลยซึ่งเป็นพยานโจทก์ทั้งสามว่า ขณะที่ ง. และพยานเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 14487 และ 7795 มีทางเข้าออกด้านทิศตะวันออกผ่านที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวยาวตลอดแนวสู่ทางสาธารณะประโยชน์ถนนสายบางบ่อ-ทุ่งสะเดา ตามรูปแผนที่วิวาท แสดงว่า ง. และ ม.เคยใช้ทางพิพาทออกสู่ทางสาธารณประโยชน์ดังกล่าวมาก่อนแล้ว ทั้งทางพิพาทยังเป็นทางเชื่อมต่อจากทางสาธารณะประโยชน์ที่อยู่ด้านทิศตะวันออกของที่ดินโจทก์ทั้งสาม ดังนั้น เมื่อคำนึงถึงที่ดินที่ล้อมอยู่เปรียบเทียบกันแล้ว การที่โจทก์ทั้งสามจะผ่านทางพิพาทย่อมก่อให้เกิดความเสียหายแก่ที่ดินที่ล้อมอยู่แต่น้อยที่สุดที่จะเป็นได้ตามบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว เพราะทางพิพาทผ่านที่ดินจำเลยเพียงแปลงเดียวโจทก์ทั้งสามจึงชอบที่จะขอให้จำเลยเปิดทางพิพาทในที่ดินจำเลยเป็นทางจำเป็นสำหรับที่ดินโจทก์ทั้งสามเพื่ออกสู่ทางสาธารณประโยชน์ถนนสายบางบ่อ-ทุ่งสะเดา

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสามฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์ทั้งสามและจำเลยเป็นบุตรนายสง่า และนางม้วน เดิมสง่าและนางม้วนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 14487 และ 7795 ตำบลวังเย็น อำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อประมาณ 40 ถึง 50 ปี ที่ผ่านมา นายสง่าและนางม้วนทำถนนในที่ดินทั้งสองแปลงตามแนวเขตที่ดินด้านทิศตะวันออกเพื่อออกสู่ทางสาธารณะประโยชน์ถนนสายบางบ่อ-ทุ่งสะเดาต่อมาที่ดินแนดเลขที่ 7795 ถูกแบ่งแยกออกเป็น 7 แปลง คือ โฉนดเลขที่ 4131, 4132, 4133, 4134, 4135, 4395 และ 7795 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2531 นายสง่าและนางม้วนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 14487 ให้แก่จำเลยโดยมีข้อตกลงว่าให้ยกที่ดินส่วนที่เป็นทางเข้าออกเป็นทางสาธารณะ วันที่ 12 มกราคม 2538 นายสง่าและนางม้วนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 4135 ให้แก่โจทก์ที่ 2 โอนที่ดินโฉนดเลขที่ 4134 ให้แก่โจทก์ที่ 3 และวันที่ 28 กรกฎาคม 2538 โอนที่ดินโฉนดเลขที่ 4131 และ 4132 ให้แก่โจทก์ที่ 1 ที่ดินของโจทก์ทั้งสามถูกที่ดินของจำเลยและที่ดินของผู้อื่นปิดล้อมไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะได้ โจทก์ทั้งสามและบริวารรวมทั้งนายสง่าและนางม้วนจำเป็นต้องใช้ทางดังกล่าวในที่ดินของจำเลยออกสู่ทางสาธารณะประโยชน์ถนนสายบางบ่อ-ทุ่งสะเดา ซึ่งมีขนาดความกว้าง 4 เมตร ยาว 100 เมตร ซึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันออก เมื่อประมาณวันที่ 24 พฤศจิกายน 2540 จำเลยทำประตูเหล็กปิดกั้นทางพิพาท เป็นเหตุให้โจทก์ทั้งสามเดือดร้อนไม่สามารถใช้ทางพิพาทออกไปสู่ถนนสาธารณะ โจทก์ทั้งสามแจ้งให้เปิดทางพิพาท แต่จำเลยไม่ยินยอม ขอให้บังคับจำเลยเปิดทางจำเป็นผ่านที่ดินของจำเลยโฉนดเลขที่ 14487 กว้าง 4 เมตร ยาว 100 เมตร ตามแนวเส้นสีแดงตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องให้จำเลยรื้อถอนประตูเหล็กที่ปิดกั้นทางพิพาท หากจำเลยไม่รื้อขอให้โจทก์ทั้งสามเป็นผู้รื้อโดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย และให้จำเลยไปจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยเปิดทางจำเป็นกว้าง 4 เมตร ในที่ดินของจำเลยโฉนดเลขที่ 144487 ยาวตลอดแนวตามเส้นสีเขียวในแผนที่วิวาท ห้ามจำเลยปิดกั้นทางจำเป็นดังกล่าว และให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์ทั้งสาม 1,500 บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า โจทก์ทั้งสามและจำเลยเป็นบุตรนายสง่าและนางม้วน เดิมที่ดินโฉนดเลขที่ 14487 และที่ดินโฉนดเลขที่ 7795 มีชื่อนายสง่าและนางม้วนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ โดยที่ดินโฉนดเลขที่ 14487 ด้านทิศเหนือจดที่ดินโฉนดเลขที่ 7795 และด้านทิศใต้จดทางสาธารณประโยชน์ถนนสายบางบ่อ-ทุ่งสะเดา ต่อมาวันที่ 9 มิถุนายน 2531 นายสง่าและนางม้วนจดทะเบียนขายที่ดินโฉนดเลขที่ 14487 ให้แก่จำเลยวันที่ 12 ธันวาคม 2537 นายสง่าและนางม้วนจดทะเบียนแบ่งหักเป็นทางสาธารณประโยชน์ที่ดินโฉนดเลขที่ 14487 ของจำเลยและในวันดังกล่าว นายสง่าและนางม้วนจดทะเบียนแบ่งแยกในนามเดิมในที่ดินโฉนดเลขที่ 7795 ออกเป็นที่ดินโฉนดเลขที่ 9133, 4131, 4133, 4134 และ 4135 วันที่ 12 มกราคม 2538 นายสง่าและนางม้วนจดทะเบียนให้ที่ดินโฉนดเลที่ 4135 แก่โจทก์ที่ 2 และที่ดินโฉนดเลขที่ 4134 แก่โจทก์ที่ 3 ตามลำดับ ส่วนที่ดินโฉนดเลขที่ 4131 และ 4132 หลังจากนายสง่าและนางม้วนจดทะเบียนแบ่งแยกในนามเดิมในที่ดินโฉนดเลขที่ 4131 แล้วเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2538 นายสง่าและนางม้วนจดทะเบียนให้ที่ดินโฉนดเลขที่ 4131 แปลงคงเหลือและที่ดินโฉนดเลขที่ 4132 แก่โจทก์ที่ 1 จึงทำให้ที่ดินโจทก์ทั้งสามมีที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่จนไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้ ทางพิพาทภายในเส้นสีเขียวตามแผนที่วิวาทอยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 14487 ของจำเลย ปัจจุบันจำเลยทำประตูเหล็กปิดกั้นทางพิพาทบริเวณทางออกสู่ทางสาธารณะประโยชน์ถนนสายบางบ่อ-ทุ่งสะเดา ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า ทางพิพาทเป็นทางจำเป็นหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่านอกจากทางพิพาทแล้ว โจทก์ทั้งสามสามารถผ่านที่ดินนายวิโรจน์ นายธานี และนางสุจิตรา ซึ่งออกสู่ทางสาธารณประโยชน์ถนนสายสามค้อ-บางบ่อ ได้อีกทางหนึ่งนั้น เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 วรรคสาม บัญญัติถึงการที่จะผ่านที่ดินซึ่งล้อมอยู่นั้นต้องเลือกให้พอสมควรแก่ความจำเป็นของผู้มีสิทธิจะผ่าน กับทั้งให้คำนึงถึงที่ดินที่ล้อมอยู่ให้เสียหายแต่น้อยที่สุดที่จะเป็นได้ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความจากการเดินเผชิญสืบว่าหากโจทก์ทั้งสามสามารถออกสู่ทางสาธารณะประโยชน์ถนนสายสามค้อ-บางบ่อ ได้จะต้องผ่านที่ดินถึง 7 แปลง แต่ถ้าโจทก์ทั้งสามใช้ทางพิพาทออกสู่ทางสาธารณประโยชน์ถนนสายบางบ่อ-ทุ่งสะเดา จะผ่านที่ดินจำเลยเพียงแปลงเดียว ประกอบกับได้ความจากคำเบิกความของนางม้วนมารดาโจทก์ทั้งสามและจำเลยซึ่งเป็นพยานโจทก์ทั้งสามว่าขณะที่นายสง่าและพยานเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 14487 และ 7795 มีทางเข้าออกด้านทิศตะวันออกผ่านที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวยาวตลอดแนวสู่ทางสาธารณประโยชน์ถนนสายบางบ่อ-ทุ่งสะเดา ตามรูปแผนที่วิวาท แสดงว่านายสง่าและนางม้วนเคยใช้ทางพิพาทออกสู่ทางสาธารณประโยชน์ดังกล่าวมาก่อนแล้วทั้งทางพิพาทยังเป็นทางเชื่อมต่อจากทางสาธารณประโยชน์ที่อยู่ด้านทิศตะวันออกของที่ดินโจทก์ทั้งสาม ดังนี้ เมื่อคำนึงถึงที่ดินที่ล้อมอยู่เปรียบเทียบกันแล้ว การที่โจทก์ทั้งสามจะผ่านทางพิพาทย่อมก่อให้เกิดความเสียหายแก่ที่ดินที่ล้อมอยู่แต่น้อยที่สุดที่จะเป็นได้ตามบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว เพราะทางพิพาทผ่านที่ดินจำเลยเพียงแปลงเดียว โจทก์ทั้งสามจึงชอบที่จะขอให้จำเลยเปิดทางพิพาทในที่ดินจำเลยเป็นทางจำเป็นสำหรับที่ดินโจทก์ทั้งสามเพื่อออกสู่ทางสาธารณประโยชน์ถนนสายบางบ่อ-ทุ่งสะเดา ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share