คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 792/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในกรณีที่ได้แบ่งมรดกแล้ว เมื่อเจ้าหนี้ฟ้องให้ทายาทคนใดชำระหนี้ เจ้าหนี้นั้นก็มีสิทธิเรียกให้ชำระหนี้ได้เพียงไม่เกินทรัพย์มรดกที่ทายาทคนนั้นรับไป หาได้ให้สิทธิแก่เจ้าหนี้ที่จะเรียกจากทายาทคนอื่นที่มิได้ถูกฟ้องด้วยไม่.
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 5/2506)

ย่อยาว

คดีชั้นร้องขัดทรัพย์นี้ เนื่องมาจากคดีที่โ่จทก์ฟ้องจำเลยโดยกล่าวว่าจำเลยเป็นภรรยานายยศซึ่งถึงแก่กรรม จำเลยเป็นทายาทผู้รับมรดำนายยศ นายยศกู้เงินโจทก์ไปแล้วค้างชำระ ขอให้จำเลยให้เงิน ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ โจทก์นำยึดทรัพย์ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์ว่า ที่ดินที่ยึดมิใช่ของจำเลยผู้เดียว นางแจ๋วมีกรรมสิทธิ์ในที่รายนี้ ๑ ไร่ ๒๘ ตารางวาเท่านั้น นอกนั้นเป็นของพวกผู้ร้องได้แบ่งแยกกันครอบครองเป็นส่วนสัด และได้บันทึกตกลงแบ่งแยกกันตามส่วนที่ครอบครอง ณ สำนักงานที่ดิน และได้ร้องขอให้เจ้าพนักงานรังวัดแบ่งแยกให้ตามบันทึกนั้น จึงขอให้ศาลสั่งแบ่งส่วนของผู้ร้องตามแผนที่แบ่งแยกของเจ้าพนักงานรังวัดและสั่งขายทอดตลาดเฉพาะส่วนของจำเลย
โจทก์แถลงคัดค้านว่า ทรัพย์ที่ยึดเป็นมรดกนายยศผู้ตาม กองมรดกของนายยศต้องรับผิดใช้หนี้แก่โจทก์ ข้ออ้างของผู้ร้องไม่เป็นความจริง แม้เป็นความจริงก็ยกขึ้นโต้แย้งโจทก์ไม่ได้
เมื่อคู่ความแถลงรับกันแล้ว ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานและวินิจฉัยว่า ผู้ร้องทุกคนเป็นเจ้าของทรัพย์รายพิพาท โดยรับมรดกจากนายยศ จึงต้องรับไปทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่าง ๆ เมื่อนายยศเป็นหนี้โจทก์ ทรัพย์พิพาทซึ่งผู้ร้องรับมรดกมาก็ต้องผูกพันเอาไปชำระหนี้แก่โจทก์ โจทก์จะบังคับชำระหนี้จากทายาทคนใดก็ได้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอแบ่งส่วนของผู้ร้องกับออกจากการถูกยึดได้ให้ยกคำร้องขัดทรัพย์
ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนแล้ว คดีได้ความตามที่คู่ความแถลงรับกันว่าที่ดินที่ถูกยึดเป็นทรัพย์มรดำของนายยศผู้ตาย จำเลยเป็นภรรยานายยศ ผู้ร้องเป็นบุตรนายยศและจำเลย โฉนด์ที่รายนี้มีชื่อจำเลยกับผู้ร้องทุกคนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ โดยรับโอนในฐานะเป็นผู้รับมรดกผู้ตาย คดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดในหนี้ของผู้ตายนัน้น ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้หนี้โดยจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดขั้นพิจารณา มิได้ต่อสู้คดีตลอดมา
ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า แม้เจ้าหนี้จะมีสิทธิฟ้องร้องเรียกหนี้ของผู้ตายจากกองทรัพย์มรดำโดยฟ้องทายาทหรือผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาฎิชย์มาตรา ๑๗๓๗ ได้ก็ตาม แต่เกี่ยวกับความรับผิดชอบของทายาทผู้ตายนั้น ได้มีบัญญัติไว้ในมาตรา ๑๗๓๘ เป็น ๒ สถาน คือ ในกรณีก่อนแบ่งมรดกอย่างหนึ่ง และแบ่งมรดกแล้วอีกอย่างหนึ่ง สำหรับกรณีก่อนแบ่งมรดกนั้น เจ้าหนี้จะบังคับชำระหนี้เต็มจากกองมรดกก็ได้ ในกรณีเช่นนี้ทายาทคนหนึ่ง ๆ อาจเรียกให้ชำระหนี้เอาจากทรัพย์มรดกของผู้ตายได้ แต่ถ้าเป็นกรณีที่ได้แบ่งมรดกแล้ว เจ้าหนี้อาจเรียกให้ทายาทคนใดคนหนึ่งชำระได้เพียงไม่เกินทรัพย์มรดกที่ทายาทคนนั้นได้รับไป ในกรณีเช่นนี้ ทายาทคนใดซึ่งได้ชำระหนี้แก่เจ้าหนี้กองมรดกเกินกว่าส่วนที่ตอนจะต้องเฉลี่ยใช้หนี้ ทายาทคนนั้นมีสิทธิไล่เบี้ยจากทายาทคนอื่นได้
ตามความในมาตราที่กล่าวนี้ เป็นบทบัญญัติถึงความรับผิดและสิทธิไล่เบี้ยของทายาทเกี่ยวกับการชำระหนี้แก่เจ้าหนี้กองมรดำ กล่าวคือ ในกรณีที่ยังมิได้มีการแบ่งมรดก เจ้าหนี้ย่อมบังคับเอาจากกองมรดกได้ เพราะยังเป็นกองกลางของผู้ตายอยู่ แต่ในกรณีที่ได้แบ่งมรดกแล้ว เมื่อเจ้าหนี้เรียกร้องให้ทายาทคนใดชำระหนี้ เจ้าหนี้นั้นก็มีสิทธิเรียกให้ชำระหนี้ได้เพียงไม่เกินทรัพย์มรดกที่ทายาทคนนั้นรับไป หาได้ให้สิทธิแก่เจ้าหนี้ที่จะเรียกจากทายาทคนอื่นที่มิได้ถูกฟ้องร้องด้วยไม่ เพียงแต่ถ้าทายาทคนใช้เกินส่วนที่ได้รับไป ก็มีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากทายาทคนอื่นได้เท่านั้น เป็นเรื่องระหว่างทายาทด้วยกัน
ในคดีเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ได้มีการแบ่งมรดกกันแล้ว และเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบังคับคดีตามคำพิพากษา ตามหลักการบังคับคดี เจ้าหนี้ผู้ชนะย่อมจะบังคับคดีได้แต่เฉพาะผู้แพ้คดี เพราะคำพิพากษาไม่มีผลผูกพันบุคคลภายนอก เว้นแต่จะเป็นกรณีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑๔๕ วรรค ๒ ซึ่งเรื่องนี้หาเข้าข้อยกเว้นข้อหนึ่งข้อใดไม่ จริงอยู่ แม้หนี้รายนี้จะเป็นหนี้ของผู้ตาย แต่เมื่อได้มีการแบ่งมรดกกันจนโอนกรรมสิทธิ์ในโฉนดไปยังผู้ร้องแล้ว โจทก์จะบังคับคดียึดทรัพย์ของทายาทอื่นผู้เป็นบุคคลภายนอกซึ่งไม่มีโอกาสต่อสู้คดีด้วยหาได้ไม่ มิใช่เป็นทรัพย์กองกลางอยู่ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๓๘ วรรคต้น
พิพากษากลับ ให้โจทก์มีสิทธิบังคับคดีนี้โดยยึดทรัพย์ได้เฉพาะส่วนของจำเลย.

Share