แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 4 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3. จำเลยที่ 3 เป็นเจ้าของรถยนต์. และนำเข้าเดินร่วมทางกับบริษัทจำเลยที่ 2. บริษัทจำเลยที่ 2 นำรถเข้าร่วมเดินกับบริษัทจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของสัมปทานทาง โดยจำเลยที่ 1,2 และ 3 แบ่งผลประโยชน์กัน. จำเลยที่ 2 จึงเป็นผู้ร่วมกิจการกับจำเลยที่ 3 และถือได้ว่าเป็นกิจการของจำเลยที่ 2 ด้วย. จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดในการละเมิดของจำเลยที่ 4 ด้วย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 3 เป็นเจ้าของรถยนต์ นำเข้าเดินร่วมกับบริษัทจำเลยที่ 2 แล้วบริษัทจำเลยที่ 2 นำเข้าร่วมเดินกับบริษัทจำเลยที่ 1 เจ้าของสัมปทานทาง โดยทั้ง 3 คนแบ่งผลประโยชน์กันจำเลยที่ 4 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1, 2 และ 3 ขับรถประมาทชนโจทก์บาดเจ็บ จำเลยที่ 1, 2 และ 3 ปฏิเสธความรับผิด จำเลยที่ 4 ขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1-4 ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยที่ 1, 2 และ 3 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะจำนวนค่าเสียหาย จำเลยที่ 2, 3 ฎีกา จำเลยที่ 2 ฎีกาข้อหนึ่งว่า จำเลยเป็นเพียงตัวแทนของจำเลยที่ 3 ในการทำสัญญากับจำเลยที่ 1 เท่านั้นจำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิด ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ 2 ไม่ใช่ตัวแทนของจำเลยที่ 3แต่เป็นผู้ร่วมกิจการกับจำเลยที่ 3 นายจ้างของจำเลยที่ 4 จึงถือได้ว่าเป็นกิจการของจำเลยที่ 2 ด้วย จำเลยที่ 2 ก็ต้องรับผิดในการละเมิดร่วมกับจำเลยที่ 4 ด้วย พิพากษายืน.