คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 308/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในกรณีที่ผู้ตายคิดว่าตนจะไม่ตาย ได้บอกกำนันระบุชื่อจำเลยว่าเป็นคนร้ายที่ยิงตน โดยไม่ปรากฏว่า ขณะนั้นผู้ตายมีสติฟั่นเฟือนเพราะความเจ็บปวด หรือสำคัญผิดในตัวคนร้ายหรือคาดคะเนคนร้ายโดยพลการแต่ประการใด คำบอกเล่าเช่นนี้รับฟังได้ในฐานะที่เป็นคำระบุบอกกล่าวในเวลาใกล้ชิดกับเหตุ อันไม่มีโอกาสที่ผู้บอกกล่าวจะคิดใส่ความได้ทัน เป็นพฤติการณ์ประกอบพยานหลักฐานโจทก์ อันนำไปสู่การติดตามรู้ถึงตัวผู้กระทำผิด และได้พยานหลักฐานอื่นในคดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ร่วมกันใช้ปืนยิงนายลิถึงแก่ความตาย จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด ให้จำคุก

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักมั่นคงน่าเชื่อว่าจำเลยได้ร่วมกันใช้ปืนยิงนายลิถึงแก่ความตายจริง ที่จำเลยฎีกาว่าคำบอกเล่าของนายลิไม่พอฟังลงโทษจำเลยได้ เพราะนายลิบอกนายสมบูรณ์ในขณะที่ตนไม่รู้ตัวว่าจะตาย คำบอกเล่าของนายลิอาจจะเป็นเพราะสำคัญผิด หรือคาดคะเนเอาเองโดยพลการนั้น เห็นว่า นายลิระบุจำเลยเป็นคนร้ายรายนี้ให้นายสมบูรณ์กำนันฟังโดยคิดว่าตนจะไม่ตายจริง แต่ไม่ปรากฏว่าขณะนั้นนายลิมีสติฟั่นเฟือนเพราะความเจ็บปวด หรือสำคัญผิดในตัวคนร้าย หรือคาดคะเนคนร้ายโดยพลการแต่ประการใด กลับได้ความจากคำเบิกความพยานโจทก์ว่า นายลิได้พูดว่าถ้าหากหายดีแล้วจะไปแก้แค้นจำเลย แสดงให้เห็นได้ชัดแจ้งว่านายลิจำคนร้ายได้แน่นอนว่าเป็นจำเลยนี้จริง และคำบอกเล่าเช่นนี้รับฟังได้ในฐานะที่เป็นคำระบุบอกกล่าวในเวลาใกล้ชิดกับเหตุอันไม่มีโอกาสที่ผู้บอกกล่าวจะคิดใส่ความได้ทัน เป็นพฤติการณ์ประกอบพยานหลักฐานโจทก์ อันนำไปสู่การติดตามรู้ถึงตัวผู้กระทำผิดและได้พยานหลักฐานอื่นในคดี

พิพากษายืน

Share