แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดอันเกี่ยวกับการที่เอาทรัพย์ที่ถูกยึดหรืออายัดไปอาจเป็นความผิดฐานลักทรัพย์หรือยักยอกลักทรัพย์อย่างใดอย่างหนึ่งแล้วแต่กรณี คือถ้าทรัพย์นั้นจำเลยได้รับมอบหมายให้เป็นผู้พิทักษ์รักษาและจำเลยคิดทุจริตเอาทรัพย์ที่ต้องอายัดไปก็เป็นผิดฐานยักยอกตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 316 ถ้าทรัพย์นั้นจำเลยมิได้รับมอบหมายให้อยู่ในความครอบครองของจำเลย แม้ทรัพย์นั้นจะเป็นของจำเลยเองก็ดี ถ้าจำเลยบังอาจเอาทรัพย์นั้นไปเสียโดยเจตนาทุจริต จำเลยก็มีความผิดฐานลักทรัพย์ตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 290
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เจ้าพนักงานได้พบเรือของกลางอยู่ในความครอบครองของจำเลย จึงอายัดเรือของกลางไว้กับจำเลย และนางเพ็งเพื่อสืบหาเจ้าของต่อมาจำเลยบังอาจลักเรือนั้นไปจึงขอให้ลงโทษตามกฎหมายอาญา มาตรา 288, 290
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกา เห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความตามฟ้องโจทก์ว่าเรือของกลางอยู่ในความครอบครองของจำเลยในขณะถูกจับอยู่ก่อนแล้วเจ้าพนักงานได้อายัดเรือนั้นไว้กับจำเลยและนางเพ็งเรือก็ยังคงอยู่ในความครอบครองของจำเลยนั้นเอง ถ้าจำเลยเอาเรือนั้นโดยเจตนาทุจริต ก็ย่อมเป็นผิดฐานยักยอกทรัพย์มิใช่ฐานลักทรัพย์ตามที่โจทก์ฟ้อง จึงพิพากษายืน