คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 787/2482

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำร้องขอเพิ่มเติมคำให้การว่าโจทก์เป็นหุ้นส่วนกับคนอื่นไม่มีอำนาจฟ้องตามลำพังนั้น ต้องร้องขอก่อนวันชี้สองสถานหรือก่อนวันสืบพะยาน เพราะไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน และคำตัดฟ้องเช่นนี้ไม่เข้าอยู่ในม.24 แห่งวิธีพิจารณา.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าซื้อเชื่อข้าวสาร ๓๐๕๑ บาท ๕๐ สตางค์จากจำเลยทั้งสามโดยอ้างว่าจำเลยเป็นหุ้นส่วนกัน จำเลยที่ ๒ – ๓ รับว่าเป็นหนี้จริง แต่จำเลยที่ ๑ ปฎิเสธว่าไม่ได้เป็นหุ้นส่วน และเมื่อศาลนัดสืบพะยานเป็นครั้งที่ ๓ แล้ว จำเลยที่ ๑ ได้ยื่นคำร้องเพิ่มเติมคำให้การว่า โจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของโรงสีที่ขายข้าวนี้แต่ผู้เดียว จำเลยที่ ๑ เป็นเจ้าของด้วย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องตามลำพัง ฝ่ายโจทก์คัดค้านว่า จำเลยไม่มีสิทธิ์เพิ่มเติมคำให้การ
ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยต้องร้องขอก่อนวันชี้สองสถานหรือก่อนวันสืบพะยานและไม่ใช่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน และเป็นข้อเท็จจริงที่จำเลยรู้ดีมาก่อนแล้ว จึงไม่อนุญาตให้เพิ่มเติมและพิพากษาให้จำเลยใช้เงินค่าซื้อเชื่อตามฟ้องของโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน.
จำเลยฎีกาศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ๑. ที่จำเลยอ้างว่าคำร้องตัดฟ้องของจำเลยเข้า ม.๒๔ แห่งวิธีพิจารณาแพ่งที่จะเสนอให้ศาลวินิจฉัยได้ทุกเมื่อนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าไม่เกี่ยวกับ ม.๒๔ เพราะไม่มีประเด็นข้อนี้มาก่อน ๒. ศาลไม่อนุญาตให้เพิ่มเติม+ชอบแล้วและไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ส่วนข้อเท็จจริงอย่างอื่น ศาลฎีกาคงเห็นพ้องด้วยศาลล่าง จึงพิพากษายืน.

Share