คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1547/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าโรงเรียนของโจทก์ แล้วจำเลยทำละเมิดต่อโจทก์ โดยดัดแปลงแก้ไข รื้อขนสัมภาระจากโรงเรือนของโจทก์ทำให้โจทก์เสียหาย จึงขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย ดังนี้เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องจำเลยตามมูลละเมิด เมื่อฟังไม่ได้ว่า เป็นละเมิดแล้วในข้อที่จำเลยจะต้องรับผิดฐานไม่ปฏิบัติตามสัญญาเช่าหรือไม่นั้น ไม่มีประเด็นจะวินิจฉัยเพราะเป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องว่ากล่าวตามมูลสัญญาเช่า
แม้ในสัญญาเช่าจะใช้คำว่าการดัดแปลงหรือต่อเติมใด ๆ ที่ผู้เช่าได้ทำขึ้นต้องตกเป็นของผู้ให้เช่าก็ดี ก็ย่อมต้องหมายความถึงการกระทำที่มาเป็นส่วนควบของทรัพย์ประชาชน สัญญาเช่าที่มีข้อความดั่งที่ปรากฎนี้ หาอาจทำให้สังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นที่ตกเข้ามาอยู่ในที่เช่าเป็นกรรมสิทธิของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์นั้นได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เช่าโกดังตั้งเป็นโรงยาฝิ่นโดยตกลงว่า ให้สิ่งต่อเติมตรึงตราที่จำเลยทำลงในโรงเรือนเป็นของโจทก์ จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ดูแลกิจการดังกล่าวแล้วแทนจำเลยที่ ๑ จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันกระทำการละเมิดต่อโจทก์ โดยจำเลยทำการดัดแปลงแก้ไขและให้คนรื้อขนสัมภาระจากโรงเรือนของโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหายรวมราคา ๒๐,๑๓๐ บาทตามบัญชีท้ายฟ้อง จึงขอให้จำเลยใช้
ศาลแพ่งพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน ๒๐,๑๓๐ บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ยแก่โจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงกุดังเป็นโรงยาสูบฝิ่นตามรายการที่โจทก์กล่าวอ้าง ฟังได้ว่าได้กระทำลงด้วยความรู้เห็นยินยอมของโจทก์จึงไม่เป็นละเมิด ส่วนจำเบยจะต้องรับผิดต่อโจทก์โดยการไม่ปฏิบัติตามสัญญาเช่าหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องว่ากล่าวตามมูลสัญญาเช่า เมื่อโจทก์เลือกเรียกร้องตามมูลละเมิดแล้ว การรับผิดตามสัญญาเช่าของจำเลยจึงไม่มีประเด็นต้องวินิจฉัย
สำหรับรายการที่ ๙ เครื่องอุปกรณ์ดวงไฟฟ้าหายไป ๓๓ ดวง รายการที่ ๑๐ ท่อประปาในโรงเรือนหายไป ๓๐ เมตรนั้น ได้พิจารณาถึงลักษณะของโรงเก็บสินค้าที่ดัดแปลงเป็นโรงยาสูบฝิ่นแล้วเห็นว่า ไฟฟ้าก็เป็นเรื่องเดินสายมาตามลูกถ้วยข้างฝา แล้วจึงโยงไปเป็นดวงโคมตามที่ต้องการแสงสว่างแก่ผู้สูบฝิ่น ประปาก็เป็นกรณีต่อท่อวางพาดไปตามพื้น จนถึงท่อใช้น้ำทรัพย์สินที่ติดตั้งโดยลักษณะเช่นนี้ จะถือว่าเป็นส่วนควบกับอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ยังไม่ได้ เพราะไม่มีลักษณะตรึงตราถาวร อันไม่อาจจะแยกออกจากกันได้ แม้ในสัญญาเช่าจะใช้คำว่าการดัดแปลงหรือต่อเติมใด ๆ ที่ผู้เช่าได้ทำขึ้นต้องตกเป็นของผู้ให้เช่าก็ดี ก็ย่อมต้องหมายถึงการกระทำที่มาเป็นส่วนควบของทรัพย์ประธาน สัญญาเช่าที่มีข้อความดั่งที่ปรากฎนี้ หาอาจทำให้สังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นที่ตกอยู่ในที่เช่า เป็นกรรมสิทธิของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์นั้น หาได้ไม่
จึงพิพากษาแก้ ให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์เพียง ๒๔๖๖ บาท กับดอกเบี้ย ฯลฯ

Share