คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 786/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรณีละเมิดทำให้เขาเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยนั้น ผู้ทำละเมิดจะต้องเสียค่าเสียหายเพื่อการเสียหายที่ผู้เสีย หายเสียความสามารถประกอบการงานทั้งในเวลาปัจจุบันและในอนาคตด้วย.
ขับรถยนต์ชนเด็กอายุ 11 ขวบโดยประมาท เป็นเหตุให้เด็กได้รับบาดเจ็บสาหัส นายแพทย์ต้องบตัดขาขวาออกไป ข้างหนึ่ง ดังนี้ เด็กย่อมมีสิทธิฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนเป็นเงินจำนวนหนึ่ง และมีสิทธิขอค่า+ ภายในอนาคต คิด คำนวนเป็นรายเดือนจนกว่าจะมีอายุบรรลุนิติภาวะได้อีกด้วย./

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า่ จำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์ของจำเลยที่ ๒ ผู้เป็นนายจ้าง ตามทางการแห่งหน้าที่ด้วยความประมาท เป็นเหตุให้ ชน ด.ญ.สมสวาท แก้วมณีโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัส นายแพทย์ต้องตัดขาขวา ด.ญ.สมสวาทโจทก์ออกไปข้างหนึ่ง จึงขอ เรียกค่าทดแทน ๒๐๐๐๐ บาท ค่าอุปการะเลี้ยงดูอีกเดือนละ ๑๕๐ บาทเป็นเวลา ๓๐ ปี เป็นเงิน ๓๖๐๐๐ บาทจากจำเลยทั้ง สอง
จำเลยที่ ๑ ปฏิเสธอ้างว่า ไม่ต้องรับผิด
จำเลยที่ ๒ ปฏิเสธว่า จำเลยที่ ๑ ไม่ใช่ลูกจ้าง จำเลยที่ ๒
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างจำเลยที่ ๒ พิพากษาให้จำเลยทั้งสองรับผิดร่วมกัน ใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ คือค่า สินไหมทดแทน ๒๐๐๐๐ บาท ค่าอุปการะเลี้ยงดู เดือนละ ๑๐๐ บาท จนบรรลุนิติภาวะ เป็นเงิน ๑๓๕๐๐ บาท.
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์, ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน.
จำเลยทั้งสองฎีกา,
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๑ ไม่ใช่ลูกจ้างจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ จึงไม่ต้องรับผิด.
ส่วนประเด็นเรื่องค่าเสียหายนั้น มีมาตรา ๔๓๘, ๔๔๔ ป.ม.แพ่งฯบัญญัติไว้แล้ว กรณีละเมิดทำให้เสียหายแก่ร่างกายหรือ อนามัยนั้น ผู้ทำละเมิดจะต้องเสียค่าเสียหายเพื่อการเสียหายที่ผู้เสียหาย เสียความสามารถประกอบการงานทั้งในเวลา ปัจจุบันและในอนาคต จึงมีสิทธิเรียกได้ตามมาตรา ๔๔๔ เพราะถือว่าเป็นค่าเสียหายด้วย และค่าสินไหมทดแทนที่ศาล ล่างกำหนดให้จำเลยต้องรับผิด เสียให้โจทก์นั้น ศาลนี้เห็นว่าพอสมควรแล้ว
จึงพิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ ๒ ไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ ๑ ต่อโจทก์ด้วย ฯลฯ นอกจากที่แก้คงยืน.

Share