แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ขออนุญาตเปิดร้านขายยาแผนปัจจุบัน ผู้ว่าราชการจังหวัดไม่อนุญาตเพราะมีร้านขายยาแผนปัจจุบันในอำเภอที่โจทก์ขอเปิดครบจำนวนตามที่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องกำหนดจำนวนสถานที่ขายยา ได้กำหนดไว้แล้ว โจทก์จึงอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีพิจารณาแล้วไม่อนุญาตและแจ้งคำวินิจฉัยให้โจทก์ทราบแล้ว ดังนี้ คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีจึงเป็นที่สุด ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 มาตรา 18 การกระทำของผู้ว่าราชการจังหวัดจำเลยที่ 1 และกระทรวงสาธารณสุข จำเลยที่ 2เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบแบบแผนของทางราชการและบทบัญญัติของกฎหมาย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องกำหนดจำนวนสถานที่ขายยา จังหวัดเชียงใหม่ เป็นประกาศที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่มีผลบังคับให้จำเลยทั้งสองออกใบอนุญาตขายยาแผนปัจจุบันแก่โจทก์
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับคำฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่โจทก์ยื่นเรื่องราวขอรับใบอนุญาตเปิดร้านขายยาแผนปัจจุบันในเขตอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่แต่จำเลยที่ 1 ได้ตอบปฏิเสธเพราะตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องกำหนดจำนวนสถานที่ขายยา จังหวัดเชียงใหม่ ฉบับลงวันที่ 14 พฤศจิกาย2527 ได้กำหนดจำนวนสถานที่ขายยาแผนปัจจุบันและสถานที่ขายยาแผนปัจจุบันเฉพาะยาบรรจุเสร็จที่ไม่ใช่ยาอันตรายหรือยาควบคุมพิเศษสำหรับอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ไว้ 11 ร้าน แต่ขณะนั้นอำเภอสันป่าตองมีร้านขายยาแผนปัจจุบันครบ 11 ร้านแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาแล้วมีความเห็นเช่นเดียวกับจำเลยที่1 จึงมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบ หนังสือดังกล่าวจึงเป็นการแจ้งคำวินิจฉัยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจึงเป็นที่สุด ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 มาตรา 18 การกระทำของจำเลยทั้งสองดังกล่าวเป็นการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ ตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ และตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
พิพากษายืน.