คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 106-108/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ยกที่นาที่สวนให้แก่กัน แม้จะไม่ได้จดทะเบียนต่อเจ้าพนักงาน,แต่ผู้รับได้เข้าครอบครองเป็นเจ้าของติดต่อกันตลอดมาเป็นเวลา 6 ปีเศษแล้ว ผู้รับย่อมได้สิทธิครอบครองเจ้าของเดิมหรือทายาทของเจ้าของเดิมไม่มีสิทธิจะฟ้องเรียกคืนได้ เมื่อที่นาที่สวนนั้นเป็นที่ยังไม่มีหนังสือสำคัญ และไม่ปรากฎว่าได้มาแต่เมื่อไร./

ย่อยาว

คดี ๓ สำนวนนี้ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิจารณารวมกัน คดีที่นายมะสะดือเระเป็นโจทก์ ๒ สำนวนนั้น ต้องห้ามฎีกา
ข้อเท็จจริง คงมีสำนวนนางติเมาะเป็นโจทก์ ซึ่งศาลฎีการับวินิจฉัยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายให้ และมีข้อเท็จจริงดังนี้คือที่สวนและที่นาตามฟ้อง เดิมเป็นของนางอิไหมๆ ยกให้แก่นางมิเนาะตั้งแต่ก่อนนางมิเนาะเป็นภริยาจำเลย ต่อมานางมิเนาะยกที่นาและที่สวนให้แก่นางติเมาะโจทก์ โดยทำพิธียกให้ตามลัทธิศาสนาอิสลามโจทก์และสามีเข้าครอบครองที่นาที่สวนนั้นมา ๑ ปี นางมิ-เนาะก็ตาย โจทก์และสามีคงครอบครองทรัพย์รายนี้มาโดยความสงบและเปิดเผย จนเดือนสิงหาคม ๒๔๙๑ จำเลยจึงเข้าแย่งครอบครอง.
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่นาที่สวนพิพาทเป็นของโจทก์ ส่วนเรือนให้ประมูลหรือขายทอดตลาด ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า
เรือนเป็นของจำเลย
จำเลยฎีกาต่อมา,
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นางมิเนาะยกที่นาที่สวนให้โจทก์จริง แม้จะไม่ได้จดทะเบียนต่อเจ้าพนักงาน ผู้รับก็ได้เข้าครอบครองเป็นเจ้าของโดยความสงบและเปิดเผยติดต่อกันมาเป็นเวลา ๖ ปีเศษ เช่นนี้ ผู้รับก็ได้สิทธิครอบครอง เพราะที่นาที่สวนนี้ เป็นที่ยังไม่มีหนังสือสำคัญ และไม่ปรากฎว่าได้มาแต่เมื่อไร จึงพิพากษายืน.

Share