คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 783/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยต้องคำพิพากษาจำคุก 2 คดี ศาลให้นับโทษต่อกัน ระหว่างจำเลยต้องคุมขังในคดีหลัง ได้มีพระราชบัญญัติล้างมลทินโทษ ให้ล้างมลทิน แก่ผู้ต้องคำพิพากษาในกรณีความผิดคดีต่าง ๆ ซึ่งเกิดก่อนวันที่ 8 พฤศจิกายน 2499 และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการอภัยโทษ เนื่องในโอกาศครบ 25 พุทธศตวรรษ โดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้ ต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำผิดในคดีนั้น ๆ ดังนี้ การต้องคุมขังของจำเลยในคดีก่อน ย่อมเป็นพับไปแก่จำเลยเอง จะยกการต้องคุมขังในคดีก่อนไปใช้แทนโทษในคดีหลังไม่ได้

ย่อยาว

คดีนี้จำเลยที่ ๒ ในคดีอาญาแดงที่ ๔๖๕/๒๔๙๕ ของศาลอาญา ซึ่งพิพากษาให้ลงโทษฐานปล้นทรัพย์ ให้จำคุก ๑๐ ปี นับโทษจากคดีแดงที่ ๑๐๑/๒๔๙๔ ของศาลอาญาได้ยื่นคำร้องว่า ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๐๑/๒๔๙๔ ศาลลงโทษจำคุก ๖ ปี ๘ เดือน จำเลยต้องขังแต่วันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๔๙๓ ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ลดโทษลง ๑ ปี ๑ เดือน ๑๐ วัน จำเลยจึงพ้นโทษ เมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๔๙๙ แล้วจำเลยเริ่มต้องจำคุกตามคดีนี้ติดต่อกันมา
เนื่องจากพระราชบัญญัติล้างมลทินโทษฯ ให้ล้างมลทินแก่บรรดาผู้ต้องคำพิพากษาให้ลงโทษในกรณีความผิดคดีต่างซึ่งเกิดก่อนวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๔๙๙ และได้พ้นไปแล้วก่อนหรือในวันที่พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการอภัยโทษ เนื่องในโอกาศครบ ๒๕ พุทธศตวรรษ โดยให้ถือว่า ผู้นั้นมิได้ ต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำผิดในคดีนั้น ๆ ฉะนั้น โทษของจำเลยในคดีนี้จึงนับโทษจากคดีแดงที่ ๑๐๑/๒๔๙๔ นั้นไม่ได้ ต้องเริ่มนับวันต้องขังของจำเลยในคดีนี้ตั้งแต่วันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๔๙๓ และจำเลยควรพ้นโทษไปนานแล้ว
ศาลอาญาเห็นว่า พระราชบัญญัติล้างมลทินโทษ ไม่เป็นผลเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาของศาลในคดีนี้แต่ประการใด จึงให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เมื่อจำเลยต้องคุมขังมาในคดีแดงที่ ๑๐๑/๒๔๙๔ มากน้องเท่าใด และเมื่อใดจำเลยได้รับการล้างมลทินโทษแล้ว การต้องคุมขังของจำเลยในคดีนั้น ย่อมเป็นพับไปแก่จำเลยเอง จะยกการต้องคุมขังในคดีนั้นไปใช้แทนโทษในคดีอื่น ๆ หาได้ไม่ จำเลยพ้นมลทินโทษไปเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๔๙๙ คดีนี้ก็ต้องเริ่มนับโทษในวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๔๙๙ นั่นเอง พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จะนับโทษจำเลยในคดีนี้กลับไปตั้งต้นย้อนหลังอีกไม่ได้
พิพากษายืน

Share