คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1534/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การร้องทุกข์นั้น ย่อมมอบอำนาจให้ร้องทุกข์แทนกันได้(อ้างฎีกาที่ 755/2502) และกฎหมายก็ไม่ได้บังคับให้ร้องทุกข์ได้เฉพาะต่อพนักงานสอบสวนที่มีอำนาจเสมอไปเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3

จำเลยปฏิเสธ ต่อสู้ว่าระหว่างสอบสวนโจทก์จำเลยประนีประนอมเลิกคดีกันแล้ว คำร้องทุกข์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และโจทก์ฟ้องคดีเกิน3 เดือน ขาดอายุความ

ศาลชั้นต้นเห็นว่า กรรมการบริษัทโจทก์มิได้ร้องทุกข์ด้วยตนเองจะมอบให้นายไพบูลย์ร้องทุกข์แทนไม่ได้ ถือว่าไม่มีการร้องทุกข์โจทก์ฟ้องคดีเกิน 3 เดือน ขาดอายุความ ทั้งตามรูปคดีโจทก์จำเลยอาจทำความตกลงกันแล้ว โจทก์ได้ถอนคดีจากพนักงานสอบสวนโจทก์จะกลับมาฟ้องอีกไม่ได้ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์ขอรับหลักฐานคืนจากตำรวจไปดำเนินคดีเอง มิใช่ถอนคำร้องทุกข์หรือยอมเลิกคดีกับจำเลย การมอบอำนาจให้ร้องทุกข์ก็ใช้ได้ตามกฎหมาย การร้องทุกข์ต่อตำรวจนครบาลท่าเรือแม้จะถือว่าตำรวจนครบาลท่าเรือไม่มีอำนาจสอบสวนคดีนี้ ก็ถือว่าได้ร้องทุกข์โดยชอบแล้ว โจทก์มาฟ้องคดีเกิน 3 เดือน ไม่ขาดอายุความพิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 จำคุกจำเลย 3 เดือน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า นายชูเกียรติกรรมการผู้จัดการบริษัทโจทก์ได้มอบให้นายไพบูลย์ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อตำรวจในเรื่องนี้ได้ตามฎีกาที่ 755/2502

ในเรื่องการร้องทุกข์ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่ากฎหมายไม่ได้บังคับให้ร้องทุกข์เฉพาะต่อพนักงานสอบสวนเสมอไป เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 124 บัญญัติว่า ผู้เสียหายจะร้องทุกข์ต่อพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่รองหรือเหนือพนักงานสอบสวนและเป็นผู้ซึ่งมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยตามกฎหมายก็ได้ และเป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานที่รับคำร้องทุกข์ไว้จะต้องส่งคำร้องทุกข์ไปยังพนักงานสอบสวนเอง เหตุนี้ ปัญหาที่ว่าตำรวจสถานีตำรวจนครบาลท่าเรือมีอำนาจสอบสวนคดีนี้หรือไม่จึงไม่สำคัญในการวินิจฉัยว่ามีการร้องทุกข์หรือไม่ เมื่อตำรวจที่นั่นรับคำร้องทุกข์ไว้แล้ว ก็ถือว่าเป็นการร้องทุกข์โดยชอบศาลฎีกาพิพากษายืน

Share