คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1317/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินและบ้านที่ปู่ซื้อให้แก่หลาน(บุตรของลูกหนี้ตามคำพิพากษา) ย่อมเป็นทรัพย์ของหลานนั้นและไม่เป็นทรัพย์สินที่เป็นของบุตรผู้เยาว์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษา ซึ่งตามกฎหมายอาจถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือที่อาจบังคับเอาชำระหนี้นั้นได้

ย่อยาว

คดีได้ความว่า จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้โจทก์ ๆ จึงนำยึดทรัพย์พิพาท ผู้ร้องมาร้องขัดทรัพย์ว่าที่ดินและเรือนพิพาทเป็นของผู้ร้อง

ศาลชั้นต้นเห็นว่า ทรัพย์พิพาทเป็นของผู้ร้องให้ถอนการยึดทรัพย์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาว่า ทรัพย์พิพาทไม่ใช่ของผู้ร้อง ที่ลงชื่อผู้ร้องนั้นเพื่อหลบหนี้และว่า โจทก์นำยึดได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 282 วรรคท้าย

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นายบุญซิวซึ่งเป็นปู่ของผู้ร้อง ได้ออกเงินซื้อทรัพย์พิพาทให้ผู้ร้องเพื่อจะได้เก็บค่าเช่าไว้เป็นค่าใช้จ่ายช่วยการศึกษาของผู้ร้องสัญญาซื้อขายก็แสดงว่านางตาหีดโอนขายให้แก่ผู้ร้อง ส่วนในใบแจ้งการครอบครองและการเสียภาษีบำรุงท้องที่มีชื่อจำเลยผู้เป็นบิดาของผู้ร้องลงไว้ในช่องเจ้าของ ก็ไม่ได้หมายความว่า กรรมสิทธิ์จะตกไปเป็นของผู้แจ้งหรือผู้เสียภาษีก็หาไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า ทรัพย์ที่จะตกอยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 282 วรรคท้าย จะต้องเป็นทรัพย์อันกฎหมายอาจถือได้ว่า เป็นทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือเป็นทรัพย์ที่อาจบังคับเอาชำระหนี้ตามคำพิพากษานั้นได้แต่กรณีนี้หาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะตามกฎหมายไม่อาจถือได้ว่าที่ดินและบ้านเป็นทรัพย์ของจำเลย กลับฟังเป็นความจริงได้ว่าเป็นทรัพย์ของผู้ร้อง

พิพากษายืน

Share