แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 นำยึดบ้านและทรัพย์สินโดยอ้างว่าเป็นของมารดาโจทก์ ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ โจทก์ยื่นคำร้องขัดทรัพย์อ้างว่าทรัพย์ที่จำเลยที่ 1 นำยึดเป็นของโจทก์ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง การที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 กับพวกเป็นคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายฐานละเมิด โดยศาลยังมิได้พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดชำระหนี้ให้โจทก์ แม้จำเลยที่ 1 โอนขายที่ดินให้แก่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสามกระทำความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่รู้อยู่แล้วว่า จำเลยที่ 1 ถูกโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดเป็นเงิน 395,000 บาทและโจทก์แจ้งขออายัดที่ดินแปลงหนึ่งของจำเลยที่ 1 ต่อเจ้าพนักงานที่ดินแล้ว แต่จำเลยที่ 1 ได้โอนขายที่ดินดังกล่าวแก่จำเลยที่ 2และที่ 3 จำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานได้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมให้ โดยจำเลยทั้งสี่มีเจตนาทุจริตมิให้โจทก์ได้รับชำระหนี้ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 ต่อมาโจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 4 ศาลชั้นต้นอนุญาต ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1กับพวกเป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 1120/2527 ของศาลชั้นต้นว่าจำเลยที่ 1 กับพวกนำยึดบ้านและทรัพย์สินของโจทก์เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์เรียกค่าเสียหาย 395,000 บาท โจทก์เป็นเจ้าหนี้ที่ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้จำเลยที่ 1 กับพวกชำระหนี้อันเกิดแต่มูลละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 206ถือว่าหนี้เกิดตั้งแต่วันละเมิด และเมื่อเจ้าพนักงานที่ดินไม่รับอายัดที่ดิน และศาลชั้นต้นยกคำร้องขออายัดที่ดินฉุกเฉินของโจทก์จำเลยที่ 1 ได้โอนขายที่ดินแปลงดังกล่าวแก่จำเลยที่ 2 และที่ 3การกระทำของจำเลยทั้งสามมีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 350 นั้น เห็นว่า ข้ออ้างที่โจทก์อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาฟ้องจำเลยที่ 1 กับพวกเป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 1120/2527 ของศาลชั้นต้นสืบเนื่องมาจากจำเลยที่ 1 นำยึดบ้านและทรัพย์สินโดยอ้างว่าเป็นของมารดาโจทก์ ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ โจทก์ได้ยื่นคำร้องขัดทรัพย์โดยอ้างว่าทรัพย์ที่จำเลยที่ 1 นำยึดเป็นของโจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องการที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 กับพวกเป็นคดีแพ่งดังกล่าวโดยศาลยังมิได้มีคำพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดชำระเงินให้โจทก์ แม้จำเลยที่ 1 โอนขายที่ดินให้แก่จำเลยที่ 2 และที่ 3ก็ยังถือไม่ได้ว่า จำเลยทั้งสามกระทำความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 ศาลฎีกาเห็นพ้องในผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน