คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2621/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ป. กับผู้ตายอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาโดยไม่จดทะเบียนสมรสจึงไม่เป็นคู่สมรสกันตามกฎหมาย ได้จดทะเบียนรับผู้คัดค้านเป็นบุตรบุญธรรม โดย ป.จดทะเบียนก่อนผู้ตาย ผู้คัดค้านย่อมเป็นบุตรบุญธรรมของ ป. ก่อนแล้ว จะเป็นบุตรบุญธรรมของผู้ตายอีกในขณะเดียวกันไม่ได้เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1598/26 การจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมของผู้ตายจึงไม่สมบูรณ์ไม่มีผลตามกฎหมาย ผู้คัดค้านไม่ใช่ทายาท ไม่มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดก ย่อมไม่มีสิทธิร้องขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกหรือถอนผู้จัดการมรดกของผู้ตาย

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนนี้ เดิมทั้งผู้ร้องและผู้คัดค้านต่างร้องขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกของนางสำรวยผู้ตาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งผู้ร้อง และนายปลีเป็นผู้จัดการมรดกตามลำดับ ต่อมาผู้ร้องและผู้คัดค้านต่างยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งถอนผู้จัดการมรดกแต่ละสำนวน โดยเฉพาะผู้ร้องยื่นคำร้องในคดีหลังว่า นายปลีไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสีย เพราะอยู่กินฉันสามีภริยากับผู้ตายโดยมิได้จดทะเบียนสมรส ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งตั้งนางสำสีผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้ร้องเป็นมารดาของนางสำรวย วงษ์รักษา ผู้ตาย เมื่อปี พ.ศ. 2502 ผู้ตายได้อยู่กินฉันสามีภริยากับนายปลี กวยรักษา โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสไม่มีบุตรด้วยกัน เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2525 นายปลีและผู้ตายได้จดทะเบียนรับผู้คัดค้านเป็นบุตรบุญธรรม ตามเอกสารหมาย รค.15รค.16 เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2525 ผู้ตายถึงแก่ความตายปรากฏตามมรณบัตรเอกสารหมาย รค.19 ผู้ร้องและผู้คัดค้านต่างยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดก ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกตามสำนวนคดีหมายเลขแดงที่ 28/2526 และตั้งนายปลีเป็นผู้จัดการมรดกตามสำนวนคดีหมายเลขแดงที่ 46/2526ของศาลชั้นต้น ที่ผู้ร้องฎีกาว่า นายปลีกับผู้ตายอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส ไปจดทะเบียนรับผู้คัดค้านเป็นบุตรบุญธรรมในขณะเดียวกันเป็นการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมซ้ำซ้อนกัน ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/26ปัญหาวินิจฉัยมีว่า การจดทะเบียนรับผู้คัดค้านเป็นบุตรบุญธรรมของนายปลีและผู้ตายมีผลตามกฎหมายหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อนายปลีกับผู้ตายได้อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาในปี พ.ศ. 2502โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส จึงไม่เป็นคู่สมรสกันตามกฎหมาย และเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2525 นายปลีกับผู้ตายได้ไปขอจดทะเบียนรับผู้คัดค้านเป็นบุตรบุญธรรม นายปลีได้จดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมเลขที่ 3/446 และผู้ตายได้จดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมเลขที่ 4/447ในวันเดียวกันตามเอกสารหมาย รค.15 และ รค.16 จึงฟังได้ว่านายปลีได้จดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมก่อนผู้ตาย ผู้คัดค้านจึงเป็นบุตรบุญธรรมของนายปลีก่อนแล้ว จะเป็นบุตรบุญธรรมของผู้ตายอีกในขณะเดียวกันไม่ได้เมื่อนายปลีกับผู้ตายมิได้เป็นคู่สมรสกันตามกฎหมายเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/26การจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมของผู้ตายจึงไม่สมบูรณ์ ไม่มีผลตามกฎหมาย ผู้คัดค้านไม่ใช่ทายาท ไม่มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของผู้ตาย จึงไม่มีสิทธิร้องขอให้ตั้งผู้จัดการมรดก หรือถอนผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ศาลฎีกาไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฎีกาผู้ร้องฟังขึ้นและไม่จำต้องวินิจฉัย ฎีกาข้ออื่นของผู้ร้องต่อไป”
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องขอให้เพิกถอนผู้จัดการมรดกของผู้คัดค้านให้เพิกถอนคำสั่งตั้งนายปลี กวยรักษา เป็นผู้จัดการมรดกของนางสำรวย วงษ์รักษา ผู้ตาย

Share