คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7824/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คำพิพากษาที่บังคับให้จำเลยที่2ไปจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินกับธนาคารแล้วให้จำเลยที่1ไปจดทะเบียนโอนให้โจทก์ที่2จำนวนสามในสี่ส่วนหากเพิกเฉยให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาและหากจำเลยที่1และที่2ไม่สามารถโอนให้โดยปลอดค่าภาระติดพันก็ให้ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่2นั้นเป็นการกำหนดให้จำเลยที่1และที่2กระทำการชำระหนี้ทีละอย่างก่อนหลังตามลำดับเมื่อการจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองจำเลยที่2สามารถปฏิบัติได้แต่จำเลยที่2ไม่ยอมปฏิบัติโจทก์ที่2ก็ชอบที่จะไถ่ถอนจำนองแล้วขอให้บังคับคดีแก่จำเลยที่2ในส่วนที่จำเลยที่2ต้องชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองได้โจทก์ที่2จะขอบังคับคดีให้ขายทอดตลาดที่ดินแล้วนำเงินที่ขายได้แบ่งให้โจทก์ที่2ตามส่วนอันเป็นการบังคับคดีที่ไม่เป็นไปตามลำดับตามคำพิพากษาหาได้ไม่เพราะเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา271ประกอบด้วยมาตรา302วรรคแรกและมิใช่เป็นเรื่องที่อยู่ในบังคับแห่งข้อยกเว้นที่ศาลจะมีคำสั่งได้ดังที่บัญญัติไว้ตามมาตรา144(5)

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 106810 พร้อมสิ่งปลูกสร้างที่พิพาทเฉพาะส่วนที่เป็นของโจทก์ที่ 2 จำนวนสามในสี่ส่วนระหว่างจำเลยที่ 1 กับที่ 3 และระหว่างจำเลยที่ 3 กับที่ 2 และให้จำเลยที่ 2 ไปจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่พิพาทกับธนาคารอาคารสงเคราะห์กับให้จำเลยที่ 1 ไปจดทะเบียนโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่พิพาทให้โจทก์ที่ 2 จำนวนสามในสี่ส่วน หากเพิกเฉยให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 1 หากจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่สามารถโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่พิพาทให้แก่โจทก์ที่ 2 ตามสิทธิของโจทก์ดังกล่าวข้างต้น โดยปลอดค่าภาระติดพัน ก็ให้จำเลยที่ 1และที่ 2 ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 2 จำนวน 348,265 บาทจำเลยที่ 2 ไม่ปฏิบัติ โจทก์ที่ 2 ขอให้บังคับคดี ชั้นบังคับคดีโจทก์ที่ 2 ยื่นคำร้องว่าจำเลยที่ 2 ไม่ไปจดทะเบียนโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่พิพาทให้โจทก์ที่ 2 ตามส่วน ถือว่าจำเลยที่ 2จงใจไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา ขอให้มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่พิพาทซึ่งโจทก์นำยึดไว้แล้วเพื่อนำเงินมาแบ่งตามส่วนของโจทก์ที่ 2 และจำเลยที่ 2 ตามคำพิพากษา
จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่า ก่อนที่โจทก์ที่ 2 นำยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่พิพาท จำเลยที่ 2 ได้นำเงินจำนวน 405,656 บาทไปวางที่กรมบังคับคดีเพื่อชำระหนี้ให้โจทก์ที่ 2 ครบถ้วนตามคำพิพากษาแล้ว แต่โจทก์ที่ 2 ไม่ยอมรับเงิน และคัดค้านที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะถอนการยึด การที่โจทก์ที่ 2 นำยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่พิพาทของจำเลยที่ 2 เป็นการเลือกปฏิบัติตามคำพิพากษาในตอนท้ายที่บังคับให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 2 จำนวน 348,265 บาท ขอให้มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีถอนการยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่พิพาทของจำเลยที่ 2และให้โจทก์ที่ 2 รับเงินจำนวน 405,656 บาท จากกรมบังคับคดี
ศาลชั้นต้นนัดพร้อมสอบคู่ความแล้ว เห็นว่า จำเลยที่ 2สามารถปฏิบัติตามคำพิพากษาที่ให้จำเลยที่ 2 ไถ่ถอนจำนองได้แต่จำเลยที่ 2 ไม่ปฏิบัติ โจทก์ที่ 2 ชอบที่จะบังคับคดีต่อไปตามคำพิพากษาในลำดับแรกที่ให้โอนทรัพย์มรดกสามในสี่ส่วนแก่โจทก์ที่ 2โดยปลอดค่าภาระติดพัน แล้วให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับเอาจากทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 2 เพื่อนำเงินไปไถ่ถอนจำนองแต่ในกรณีนี้อาจจะมีเหตุยุ่งยากต่อมา หากทรัพย์สินที่ยึดมาขายทอดตลาดได้เงินไม่พอไถ่ถอนจำนองและในที่สุดก็จะต้องบังคับคดีโดยขายทรัพย์มรดกแล้วนำเงินมาแบ่งตามส่วนของแต่ละคนตามคำพิพากษาจึงมีคำสั่งให้จำเลยที่ 2 ไถ่ถอนจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามคำพิพากษาภายใน 15 วัน ถ้าจำเลยที่ 2 ไม่ปฏิบัติตามก็ให้ขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 106810 ตำบลคลองกุ่ม อำเภอบางกะปิกรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างอันเป็นทรัพย์มรดก แล้วนำเงินสามในสี่ส่วนที่ขายได้ให้แก่โจทก์ที่ 2 ตามคำพิพากษา
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าวเป็นการแก้ไขคำพิพากษา จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งถึงที่สุดไปแล้วนั้นบังคับว่า ให้จำเลยที่ 2 ไปจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่พิพาทกับธนาคารอาคารสงเคราะห์แล้วให้จำเลยที่ 1 ไปจดทะเบียนโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่พิพาทให้โจทก์ที่ 2 จำนวนสามในสี่ส่วน หากเพิกเฉยให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 1 และหากจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่สามารถโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่พิพาทให้แก่โจทก์ที่ 2 ตามสิทธิของโจทก์ที่ 2 ดังกล่าวข้างต้นโดยปลอดค่าภาระติดพันก็ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 2 จำนวน 348,265 บาท ดังนี้ เป็นการกำหนดให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 กระทำการชำระหนี้ทีละอย่างก่อนหลังตามลำดับ กล่าวคือหากไม่สามารถจะกระทำอย่างแรกแล้วจึงให้กระทำอย่างหลัง ไม่ใช่เป็นการกระทำเพื่อชำระหนี้นั้นมีหลายอย่างแต่จะต้องกระทำเพียงการใดการหนึ่งแต่อย่างเดียวอันลูกหนี้จะพึงเลือกได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 198จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงต้องปฏิบัติการชำระตามขั้นตอนที่ระบุไว้ตามลำดับในคำพิพากษา กล่าวคือจำเลยที่ 2 ต้องไปจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่พิพาทกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ก่อน แล้วให้จำเลยที่ 1 ไปจดทะเบียนโอนให้โจทก์ที่ 2 จำนวนสามในสี่ส่วน โดยปลอดค่าภาระติดพันตามตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เมื่อการจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองเป็นกรณีที่จำเลยที่ 2 สามารถปฏิบัติตามคำพิพากษาได้ แต่จำเลยที่ 2 ไม่ยอมปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ไถ่ถอนจำนอง กลับนำเงินไปวางต่อกรมบังคับคดีเพื่อให้โจทก์ที่ 2 รับไปเป็นค่าเสียหายแทนการรับโอนที่พิพาทตามส่วนของโจทก์ที่ 2 โจทก์ที่ 2 ก็ชอบที่จะไถ่ถอนจำนองกับธนาคารอาคารสงเคราะห์แล้วขอให้บังคับคดีแก่จำเลยที่ 2 ในส่วนที่จำเลยที่ 2 ต้องชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่พิพาทกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ทั้งนี้เพื่อให้โจทก์ที่ 2 รับโอนที่พิพาทตามส่วนของโจทก์ที่ 2ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยปลอดค่าภาระติดพัน ซึ่งเป็นไปตามลำดับการบังคับตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งถึงที่สุดแล้ว การที่ศาลล่างทั้งสองให้ขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่พิพาทนำเงินที่ขายได้แบ่งให้โจทก์ที่ 2 ตามส่วนตามคำพิพากษา ซึ่งนอกเหนือไปจากคำพิพากษาศาลชั้นต้น ทั้ง ๆ ที่จำเลยที่ 2 ยังสามารถปฏิบัติตามคำพิพากษาในอย่างแรกที่ต้องไถ่ถอนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่พิพาทแล้วโอนให้โจทก์ที่ 2 ตามคำพิพากษาได้ ย่อมเท่ากับเป็นคำสั่งอันเกี่ยวด้วยการบังคับคดีที่ไม่เป็นไปตามลำดับ ซึ่งต้องบังคับตามคำพิพากษา ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 271 ประกอบด้วยมาตรา 302 วรรคแรก และมิใช่เป็นเรื่องที่อยู่ในบังคับแห่งข้อยกเว้นที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งได้ดังที่บัญญัติไว้ตามมาตรา 144(5) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งดังที่โจทก์ที่ 2 แก้ฎีกา ดังนั้นเมื่อจำเลยที่ 2 ไม่ยอมปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ไถ่ถอนจำนอง จึงเป็นเรื่องที่โจทก์ที่ 2ต้องร้องขอให้บังคับคดีตามสิทธิของโจทก์ที่ 2 ในการบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ได้วินิจฉัยมาแล้วต่อไป ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและคำพิพากษาต้องตามกันมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย”
พิพากษากลับ ให้ยก คำร้องขอ งโจทก์ ที่ 2

Share