คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 434-455/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งมีปัญหาว่าเป็นที่ดินของโจทก์หรือของจำเลยนายอำเภอท้องที่ได้เรียกจำเลยไปพบและได้ทำบันทึกว่าได้เรียกบุคคลที่ปลูกเรือนอยู่ในบริเวณที่ดินของโจทก์มาตกลงกันและจำเลยยอมคืนที่ดินที่ครอบครองแก่โจทก์แต่ต่อมาจำเลยก็ร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดท้องที่คัดค้านและขอความเป็นธรรมที่ถูกกล่าวหาว่าเข้าไปอยู่ในที่ดินโจทก์แม้จำเลยบางคนยอมทำสัญญาเช่ากับทางอำเภอแต่เห็นได้ว่าจำเลยดังกล่าวตกลงไปโดยเข้าใจผิดว่าที่ดินเป็นของโจทก์จึงเป็นการสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรม สัญญาเช่าตกเป็น โมฆะ ตรงกันข้ามจำเลยดังกล่าวได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินตลอดมาโดยภายหลังจำเลยบางคนได้ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ก็ไม่ปรากฎว่าฝ่ายโจทก์ได้โต้แย้งคัดค้านแต่อย่างใดที่ดินพิพาทจึงไม่ตกเป็นของโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ขอให้ บังคับ จำเลย ทั้ง ยี่สิบ สอง รื้อถอน ทรัพย์สิน ของจำเลย และ บริวาร ออก ไป จาก ที่ดิน ตาม ฟ้อง ห้าม มิให้ จำเลย ทั้ง ยี่สิบ สองและ บริวาร เกี่ยวข้อง กับ ที่ดิน ของ โจทก์ อีก ต่อไป
จำเลย ยี่สิบ สอง ให้การ ทำนอง เดียว กัน ว่า ที่ดิน ตาม ฟ้องไม่ใช่ ที่ดิน ของ โจทก์ แต่ เป็น ของ จำเลย ทุกคน ซึ่ง ได้ ครอบครอง ทำประโยชน์ ตลอดมา ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ ทั้ง ยี่สิบ สอง สำนวน อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ ทั้ง ยี่สิบ สอง สำนวน ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า ใน การ ทำ บันทึก เมื่อ วันที่ 3 มิถุนายน 2514ตาม เอกสาร หมาย จ. 26 ซึ่ง นาง เชย กับพวก จำเลย ทำ ต่อ นายอำเภอ เดิมบางนางบวช นั้น แม้ จะ บันทึก ว่า ได้ เรียก บุคคล ที่ ปลูกเรือน อยู่ ใน บริเวณ ที่ดิน ของ โจทก์ มา ตกลง กัน และ นาง เชย กับ จำเลย ดังกล่าว ยอม คืน ที่ดิน ที่ ครอบครอง แก่ โจทก์ แต่ ต่อมา ใน วันที่ 13 มิถุนายน 2514นาง เชย กับพวก จำเลย ดังกล่าว ก็ ร้องเรียน ต่อ ผู้ว่าราชการจังหวัด สุพรรณบุรี คัดค้าน และ ขอ ความเป็นธรรมที่ ถูก กล่าวหา ว่า เข้า ไป อยู่ ใน ที่ดิน โจทก์ แม้ นาง เชย กับ จำเลย ที่ 8ยอม ทำ สัญญาเช่า กับ ทาง อำเภอ แต่ เห็น ได้ว่า นาง เชย จำเลย ที่ 5ที่ 8 และ ที่ 16 ตกลง ไป โดย เข้าใจผิด ว่า ที่ดิน เป็น ของ โจทก์จึง เป็น การ สำคัญผิด ใน สาระสำคัญ แห่ง นิติกรรม สัญญาเช่า ตกเป็นโมฆะ ตรงข้าม นาง เชย กับ จำเลย ดังกล่าว ได้ ครอบครอง ทำประโยชน์ ใน ที่ดิน ตลอดมา โดย เมื่อ ภายหลัง ต่อมา นาง เชย จำเลย ที่ 5 และ ที่ 8ได้ ขอ ออก หนังสือรับรองการทำประโยชน์ ตาม เอกสาร หมาย จ. 38 ล. 7 และ ล. 12ก็ ไม่ ปรากฎ ว่า ฝ่าย โจทก์ ได้ โต้แย้ง คัดค้าน แต่อย่างใด ที่ดินพิพาทดังกล่าว จึง ไม่ ตกเป็น ของ โจทก์
พิพากษายืน

Share