คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2570/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 และพวกใช้ใบคู่มือจดทะเบียนรถ บัตรประจำตัวประชาชนของ ส.สำเนาทะเบียนบ้านเลขที่ 95/304 และหนังสือรับรองการจดทะเบียนการเป็นนิติบุคคลของบริษัท ท. ซึ่งเป็นเอกสารปลอมและฉ้อโกงผู้เสียหาย แต่หนังสือคู่มือจดทะเบียนรถหรือใบคู่มือจดทะเบียนรถเป็นเพียงเอกสารซึ่งควบคุมการใช้รถยนต์และการจัดเก็บภาษีประจำปีตามพระราชบัญญัติรถยนต์เท่านั้น มิได้เป็นเอกสารที่เป็นหลักฐานแห่งการก่อเปลี่ยนแปลง โอน สงวนหรือระงับซึ่งสิทธิ ใบคู่มือจดทะเบียนรถจึงเป็นเพียงเอกสารราชการ หาได้เป็นเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการไม่ การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอม จำเลยที่ 1คงมีความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอมและฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,268 วรรคแรกประกอบด้วยมาตรา 265,341 ข้อที่ว่าใบคู่มือจดทะเบียนรถมิได้เป็นเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการโดยเป็นเพียงเอกสารราชการดังกล่าวเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ที่มิได้อุทธรณ์ฎีกาด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268, 341 ให้จำเลยทั้งสองคืนหรือใช้เงิน 5,000,000 บาทแก่ผู้เสียหายและให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษในคดีหมายเลขดำที่ 3574/2537, 3620/2537, 4572/2537, 3816/2537 ของศาลชั้นต้นและนับโทษต่อจากคดีหมายเลขดำที่ 6720/2535 ของศาลอาญา ส่วนจำเลยที่ 2 ให้นับโทษต่อจากคดีหมายเลขดำที่ 3574/2537, 3620/2537, 4572/2537, 3816/2537 และคดีหมายเลขแดงที่ 4014/2538, 4691/2538, 5984/2538 ของศาลชั้นต้น และนับโทษต่อจากคดีหมายเลขแดง ที่ 6935/2538, 6936/2538, 6937/2538, 6938/2538 ของศาลอาญา
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ หลังจากที่สืบพยานโจทก์เสร็จแล้วจำเลยที่ 2 ขอถอนคำให้การเดิมและให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 266(1), 268 วรรคสอง ลงโทษข้อหาใช้เอกสารปลอมตามมาตรา 268 วรรคสอง ประกอบมาตรา 266(1) กับมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 อันเป็นการกระทำกรรมเดียวกับการใช้เอกสารปลอม ลงโทษตามมาตรา 268 วรรคสอง ประกอบมาตรา 266(1) ซึ่งเป็นบทหนักตามมาตรา 90 จำคุกคนละ 10 ปี ลดโทษให้จำเลยที่ 2 หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด7 ปี 6 เดือน ให้จำเลยทั้งสองคืนหรือใช้เงินคืนจำนวน 5,000,000 บาทแก่ผู้เสียหาย และให้นับโทษจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษคดีหมายเลขแดงที่ 6935/2538, 6936/2538, 6937/2538, 6938/2538 ของศาลอาญาและคดีหมายเลขแดงที่ 4691/2538, 4014/2538 และ 5984/2538ของศาลชั้นต้น ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษของจำเลยทั้งสองต่อจากโทษในคดีหมายเลขดำที่ 3574/2537, 3620/2537, 4572/2537 และ 3816/2537 ของศาลชั้นต้น และนับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากคดีหมายเลขดำที่ 6720/2538 ของศาลอาญานั้น เนื่องจากทั้ง 5 คดีดังกล่าว ศาลชั้นต้นยังมิได้มีคำพิพากษาจึงไม่อาจนับโทษจำเลยทั้งสองต่อจากคดีทั้ง 5 คดีได้ จึงให้ยกคำขอส่วนนี้
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก, 341 อันเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทตามมาตรา 90 ให้ลงโทษบทหนักตามมาตรา 268 วรรคแรก จำคุก 10 ปี ให้ยกฟ้องโจทก์ข้อหาปลอมเอกสารตามมาตรา 265, 266(1)นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีสำหรับจำเลยที่ 2 ถึงที่สุดตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น และความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการและฐานปลอมเอกสารราชการในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 โจทก์มิได้ฎีกาจึงถึงที่สุดไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
คดีมีปัญหาวินิจฉัยในชั้นฎีกาว่า จำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอม และใช้เอกสารราชการปลอมและฉ้อโกงหรือไม่ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุในฟ้องจำเลยที่ 2 กับพวกได้ร่วมกันปลอมเอกสารหลายฉบับ กล่าวคือ ปลอมใบคู่มือจดทะเบียนรถ กรมการขนส่งทางบกจำนวน 2 เล่ม เล่มแรกเป็นใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน เลขทะเบียน 9 อ-3913 กรุงเทพมหานคร ตามเอกสารหมาย จ.3 เล่มที่สองเป็นใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน เลขทะเบียน 9 อ-3909 กรุงเทพมหานคร ตามเอกสารหมาย จ.2 โดยปลอมข้อความหมายเลขสมุดคู่มือจดทะเบียนรถ วันจดทะเบียนเลขทะเบียนรถประเภทและแบบรถ เลขเครื่องยนต์ ชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ลายมือชื่อเจ้าหน้าที่ขนส่งและนายทะเบียนขนส่งในใบคู่มือจดทะเบียนรถทั้งสองเล่มดังกล่าว ปลอมบัตรประจำตัวประชาชนของนายสถาพร สิริอิทธิชัย ปลอมสำเนาทะเบียนบ้านเลขที่ 95/304 หมู่ที่ 6 ตำบลบางรักพัฒนา อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี และปลอมหนังสือรับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลของบริษัท ที.เค.โกลฟ โปรดักส์ จำกัด ของสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนกรุงเทพมหานคร โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และจำเลยกับพวกได้กระทำดังกล่าวเพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารแท้จริง แล้วจำเลยที่ 2 กับพวกได้ร่วมกันหลอกลวงนายณรงค์ รุ่งมงคลทรัพย์ บริษัท ทรู-เวย์ จำกัด และพนักงานของบริษัททรู-เวย์ จำกัด ว่า บริษัท ที.เค.โกลฟ โปรดักส์ จำกัด จะซื้อรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น 300 อี และ รุ่น 300 เอส อี แอล รุ่นละ 1 คัน แต่ไม่มีเงินสดรถทั้งสองคันดังกล่าวสามารถตัดจากบริษัท ธนบุรีประกอบรถยนต์ จำกัด โดยรถรุ่น 300 อี มีราคา 1,800,000 บาท ส่วนรถรุ่น 300 เอส อี แอล มีราคา 3,200,000 บาท ขอให้บริษัททรู-เวย์ จำกัด รับซื้อรถทั้งสองคันไว้ก่อน แล้วจึงให้บริษัท ที.เค.โกลฟ โปรดักส์ จำกัด ทำสัญญาเช่าซื้อรถทั้งสองคันไปอีกทอดหนึ่ง ทั้งนี้จำเลยที่ 2 กับพวกจะไปติดต่อให้กองทะเบียนกรมการขนส่งทางบกให้จดทะเบียนรถทั้งสองคันใส่ชื่อของ บริษัท ทรู-เวย์ จำกัด แล้วให้บริษัท ทรู-เวย์ จำกัด สั่งจ่ายเช็คเข้าบัญชีของจำเลยที่ 2 และนัดทำสัญญากันวันต่อมาจำเลยที่ 2 กับพวกได้นำพวกอีกคนหนึ่งอ้างว่าชื่อนายสถาพร สิริอิทธิชัย เป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท ที.เค.โกลฟ โปรดักส์ จำกัด พร้อมกับนำบัตรประจำตัวประชาชนสำเนาทะเบียนบ้าน และหนังสือรับรองบริษัทที่เป็นเอกสารราชการปลอมดังกล่าวข้างต้น และตราสำคัญบริษัทไปแสดงและหลอกลวงนายณรงค์ว่าเป็นเอกสารราชการที่แท้จริง แล้วทำคำขอเช่าซื้อรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ ทั้งสองคัน และพวกของจำเลยที่อ้างว่าชื่อนายสถาพรได้ลงชื่อในคำขอเช่าซื้อและสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ทั้งสองคันกับบริษัท ทรู-เวย์ จำกัด และจำเลยที่ 2 ได้นำใบคู่มือการจดทะเบียนรถปลอม 2 เล่ม ไปมอบให้แก่นายณรงค์โดยการใช้และอ้างเอกสารปลอมและการหลอกลวงของจำเลยที่ 2 กับพวกดังกล่าว จำเลยที่ 2 กับพวกได้ไปซึ่งเงินจำนวน 5,000,000 บาทจากบริษัท ทรู-เวย์ จำกัด
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 1เป็นคนร้ายที่ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 กระทำความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอม ใช้เอกสารราชการปลอมและฉ้อโกงหรือไม่ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้มั่นคงว่า จำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 และพวก ใช้ใบคู่มือจดทะเบียนรถตามเอกสารหมาย จ.2 และ จ.3 บัตรประจำตัวประชาชนของนายสถาพร สำเนาทะเบียนบ้านเลขที่ 95/304 หมู่ที่ 6 ตำบลบางรักพัฒนา อำเภอบางบัวทองจังหวัดนนทบุรี และหนังสือรับรองการจดทะเบียนการเป็นนิติบุคคลของบริษัทที.เค.โกลฟ โปรดักส์ จำกัด ซึ่งเป็นเอกสารปลอมและฉ้อโกงผู้เสียหาย พยานหลักฐานของจำเลยที่ 1 ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้
แต่ที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองปลอมและใช้เอกสารสิทธิหนังสือคู่มือจดทะเบียนรถอันเป็นเอกสารราชการนั้น เห็นว่า หนังสือคู่มือจดทะเบียนรถหรือใบคู่มือจดทะเบียนรถ เป็นเพียงเอกสารซึ่งควบคุมการใช้รถยนต์และการจัดเก็บภาษีประจำปีตามพระราชบัญญัติรถยนต์เท่านั้น มิได้เป็นเอกสารที่เป็นหลักฐานแห่งการก่อเปลี่ยนแปลง โอน สงวนหรือระงับซึ่งสิทธิแต่อย่างใด ใบคู่มือจดทะเบียนรถจึงเป็นเพียงเอกสารราชการหาได้เป็นเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการไม่การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอมจำเลยที่ 1 คงมีความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอมและฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 265, 341 ข้อที่ว่าใบคู่มือจดทะเบียนรถมิได้เป็นเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการโดยเป็นเพียงเอกสารราชการดังกล่าวเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ที่มิได้อุทธรณ์ฎีกาด้วย การกระทำของจำเลยที่ 2 คงเป็นความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม ความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 265, 268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 265, 341
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 265, 341 และจำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 ด้วย การกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานใช้เอกสารราชการปลอมอันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด โดยลงโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 265 ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 265 ตามมาตรา 268 วรรคสอง ให้จำคุกคนละ 5 ปีจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพหลังจากที่สืบพยานโจทก์เสร็จแล้วเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้จำเลยที่ 2 หนึ่งในสี่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 3 ปี 9 เดือน ข้อหาฐานปลอมและใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการให้ยก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share