คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 780/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า มีกรรมสิทธิในที่ดินร่วมกับจำเลย จำเลยสู้คดีว่าจำเลยเป็นผู้ออกเงินซื้อที่รายนี้แล้วลงชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิด้วยเพื่อลวงมิให้ญาติอื่นมาแย่งมรดก ดังนี้ในเบื้องต้นต้องสันนิษฐานว่าโจทก์มีกรรมสิทธิอยู่ด้วยส่วนหนึ่งเป็นหน้าที่ของจำเลยต้องนำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานนี้
โจทก์ฟ้องขอแบ่งแยกที่ดินบ้านเรือนมีคำขอให้ใช้ราคามาด้วยเป็นจำนวนค่อนข้างสูง จำเลยก็ขอให้ใช้ราคาแทนแบ่งเมื่อศาลเห็นสมควร ศาลอาจพิพากษาให้แบ่งโดยวิธีให้จำเลยใช้เงินราคาก็ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับจำเลยทั้งสองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ 1226 ตำบลสามเสนใน อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร และได้ร่วมกันก่อสร้างบ้านขึ้นบนที่ดิน คือบ้านเลขทะเบียนที่ 48 ย. 25โดยโจทก์มีส่วนเป็นเจ้าของกึ่งหนึ่ง ขอให้ศาลบังคับจำเลยแบ่งแยกที่ดินตามโฉนดที่ 1226 ให้โจทก์ 1 ส่วน ถ้าไม่อยู่ในสภาพจะแบ่งได้ ก็ให้จำเลยใช้เงินเป็นค่าที่ดิน 25,900 บาท ค่าเรือน 15,000 บาท

จำเลยทั้งสองต่อสู้ว่า ที่ดินตามฟ้อง จำเลยเป็นผู้ออกเงินซื้อที่มีโจทก์ในโฉนดก็เพื่อเจตนาลวงล่อและเพื่ออำพรางป้องกันญาติของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยเป็นผู้ออกเงินซื้อที่พิพาท และเรือนพิพาทก็เป็นของจำเลย พิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า โจทก์กับจำเลยได้ออกเงินซื้อที่พิพาท และเห็นว่าแม้จะไม่ฟังดังนั้น ตามรูปความก็เห็นได้ว่าจำเลยที่ 2รักใคร่เอ็นดูโจทก์ ได้อุปการะเลี้ยงดูมาแต่เล็ก จำเลยจึงออกเงินให้โจทก์มีส่วนร่วมด้วย และใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมในโฉนด โจทก์จึงมีส่วนเป็นเจ้าของอยู่ด้วย 1 ใน 3 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า โจทก์มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดที่ 1226อยู่ 1 ใน 3

จำเลยฎีกาว่า ไม่ควรเชื่อว่าโจทก์ออกเงินซื้อที่พิพาท ควรฟังว่าจำเลยใส่ชื่อโจทก์ในโฉนดก็เพื่อหลอกลวงญาติอื่น

ศาลฎีกาเห็นว่า ที่พิพาทเป็นที่มีชื่อโจทก์จำเลยถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน ในเบื้องต้นจึงต้องสันนิษฐานว่า โจทก์มีกรรมสิทธิ์อยู่ด้วยส่วนหนึ่ง และเป็นหน้าที่ของจำเลยจะต้องนำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานนี้

จำเลยต่อสู้คดีว่า จำเลยเป็นผู้ออกเงินซื้อฝ่ายเดียว และลงชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์เพื่อลวงญาติอื่นนั้น ข้อนำสืบของจำเลยก็ฟังไม่ได้ พยานโจทก์นำสืบว่า โจทก์ได้ออกเงินซื้อด้วยอย่างไรก็ดี แม้โจทก์จะไม่ออกเงินส่วนตัวร่วมด้วย แต่เมื่อจำเลยพอใจให้โจทก์มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินด้วยแล้ว โจทก์ก็ย่อมเป็นเจ้าของร่วมกับจำเลยด้วย 1 ใน 3 และเห็นว่าที่ดินไม่อยู่ในสภาพจะแบ่งได้ จึงพิพากษาให้จำเลยใช้ราคาที่ดินเป็นเงิน 25,900 บาท แก่โจทก์

Share