แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาเช่ามีกำหนด 1 ปีและห้ามเช่าช่วง ผู้เช่าจะขอสืบพยานว่าเป็นที่เข้าใจระหว่างคู่สัญญาว่าเช่าโดยไม่มีกำหนดเวลา และผู้เช่ามีสิทธิให้เช่าช่วงได้นั้นเป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสาร ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
ผู้เช่าทำผิดสัญญาเช่า และผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนดสัญญาเช่า ผู้เช่ายังคงอยู่ต่อไปเมื่อครบสัญญาเช่าแล้วดังนี้ ผู้เช่ายังขืนอยู่ต่อไป จึงเป็นการละเมิดไม่ใช่เป็นการเช่าใหม่โดยไม่มีกำหนดเวลา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อ พ.ศ. 2470 จำเลยได้เช่าที่ดินของวัดเสาธงทองโจทก์ ปลูกห้องแถว 2 ห้อง และได้ต่ออายุสัญญาเช่าตลอดมาเดือนมกราคม 2494 จำเลยได้ทำสัญญาเช่ากำหนด 1 ปี จำเลยได้ผิดสัญญาให้ผู้อื่นเช่าช่วง โจทก์ได้บอกเลิกสัญญาและให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง จำเลยไม่ปฏิบัติตาม จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การและฟ้องแย้งให้โจทก์ปฏิบัติตามสัญญาเดิมที่เป็นสัญญาต่างตอบแทน ยอมให้จำเลยเช่าที่พิพาท 30 ปี นับแต่ พ.ศ. 2470ถ้าจะให้รื้อห้องแถว ให้โจทก์คืนเงิน 600 บาทและค่าสินไหม 5,000 บาท
ในวันชี้สองสถาน จำเลยรับในข้อเท็จจริงบางประการ ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าสัญญาเช่าที่จำเลยรับว่าได้ทำไว้มีข้อความว่าเช่ามีกำหนด 1 ปี และห้ามเช่าช่วง การที่จำเลยจะขอสืบพยานว่าการเช่าที่ดินพิพาทนี้เป็นที่เข้าใจกันในระหว่างคู่สัญญาว่าเช่ากันโดยไม่มีกำหนด เวลาและจำเลยมีสิทธิให้เช่าช่วงได้นั้นเป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในสัญญา ซึ่งมีชัดแจ้งแล้วต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 จำเลยคัดค้านว่าเมื่อครบกำหนด 1 ปีแล้ว จำเลยยังคงครอบครองทรัพย์ที่เช่าโดยโจทก์มิได้คัดค้าน ต้องถือว่ามีการเช่าใหม่ไม่มีกำหนดเวลา โจทก์ยังมิได้บอกเลิกสัญญาใหม่นี้ยังไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลฎีกาเห็นว่าก่อนครบกำหนดสัญญาเช่า จำเลยผิดสัญญาโดยให้ผู้อื่นเช่าช่วง จำเลยได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าให้รื้อสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่เช่าภายใน 30 วัน การที่จำเลยยังขืนอยู่ต่อไปจึงเป็นการละเมิดไม่ใช่เรื่องเช่าใหม่ไม่มีกำหนดเวลา
พิพากษายืน