แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เข้าของสถานีบ่มใบยาถูกเจ้าพนักงานประเมินให้เสียภาษีร้านค้าตามประมวลรัษฎากรได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งว่าสถานีบ่มใบยาไม่ใช่ร้านค้าตามลำดับเจ้าพนักงานคงยืนยันว่าเป็นร้านค้าและได้ทำการยึดทรัพย์เพื่อเสียภาษีเจ้าของสถานีบ่อใบยาจึงเป็นโจทก์ฟ้องเจ้าพนักงานขอให้ถอนการยึดและขอให้ศาลแสดงว่าโรงบ่มใบยาไม่ใช่ร้านค้า ดังนี้ คดีมีประเด็นจะต้องวินิจฉัยว่าสถานีบ่มใบยาเป็นร้านค้าใช่หรือไม่ ศาลจะสั่งงดสืบพะยานแล้ววินิจฉัยว่าสถานีบ่มใบยาไม่ใช่ร้านค้าหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ได้แจ้งให้ประเมินให้โจทก์เสียภาษีสำหรับสถานีบ่มใบยาของโจทก์ โดยถือว่าเป็นร้านค้า แต่แท้จริงหาใช่ร้านค้าไม่ โจทก์อุทธรณ์คำสั่งต่อจำเลยที่ ๒ สรรพากรจังหวัดจำเลยที่ ๒ ยกอุทธรณ์โจทก์อุทธรณ์ต่อจำเลยที่ ๓ ผู้ว่าราชการจังหวัดจำเลยที่ ๓ สั่งยกอุทธรณ์ของโจทก์เช่นเดียวกัน ต่อมาจำเลยที่ ๑ ยึดทรัพย์ของโจทก์ โจทก์จึงขอให้ศาลแสดงว่าสถานีบ่มใบยาของโจทก์ไม่ใช่ร้านค้า ไม่ต้องเสียภาษีโรงค้าและขอให้ถอนการยึด
จำเลยให้การว่าสถานีบ่มใบยาของโจทก์เป็นโรงค้าประเภทร้านค้า
ศาลชั้นต้นสอบโจทก์แล้วพิพากษาว่า โรงบ่มใบยาของโจทก์ไม่ใช่ร้านค้า ให้จำเลยถอนการยึด
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การอุทธรณ์ของโจทก์ต่อจำเลยที่ ๒ หรือที่ ๓ อุทธรณ์ภายใน ๑๕ วันนับแต่วันทราบคำสั่งหรือประการใด ไม่มีแจ้งในฟ้อง โจทก์ยังไม่มีสิทธิฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า สถานีบ่มใบยาเป็นโรงค้าประเภทร้านค้าหรือไม่เป็นปัญหาด้วย เพราะถ้าโรงบ่มใบยาไม่ใช่โรงค้าประเภทร้านค้าแล้ว ก็อยู่นอกอำนาจและหน้าที่ของจำเลยที่จะเข้าไปเกี่ยวข้อง การเข้าไปเกี่ยวข้องโดยไม่มีอำนาจและหน้าที่ยึดทรัพย์ผิด อาจเป็นละเมิด โจทก์ฟ้องคดีได้
สถานีบ่มใบยาเป็นร้านค้าหรือไม่ ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพะยานเอาเอง เป็นอันว่าข้อเท็จจริงอันต้องนำสืบยังเหลืออยู่
พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้พิจารณาพิพากษาใหม่