คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7790/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยจัดให้ผู้มาพักโรงแรมของจำเลยได้จอดรถในลานจอดรถ น. ซึ่งขับรถมาส่งแขกเข้าพักโรงแรมของจำเลยจึงมีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะนำรถยนต์เข้าไปจอดภายในบริเวณลานจอดรถดังกล่าวซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลย ส่วนการที่จำเลยปิดประกาศไม่รับผิดชอบหากเกิดการสูญหายของทรัพย์สินก็ไม่ปรากฏว่า น. ได้ตกลงด้วยโดยชัดแจ้งในการยกเว้นความรับผิดตามประกาศดังกล่าว กรณีจึงไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นความรับผิด ตาม ป.พ.พ. มาตรา 677
น. ได้ปิดล็อกประตูรถยนต์ทุกบานแล้วเพราะเป็นระบบเซ็นทรัลล็อก ซึ่งย่อมถือได้ว่า น. มิได้ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้รถยนต์สูญหาย กรณีไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นความรับผิด ตาม ป.พ.พ. มาตรา 675 วรรคสาม
ความรับผิดของเจ้าสำนักในทรัพย์สินของคนเดินทางที่สูญหายจำกัดไว้เพียงห้าร้อยบาท ตาม ป.พ.พ. มาตรา 675 วรรคสอง หมายถึงทรัพย์สินที่มีคุณค่าอันมีลักษณะพิเศษทำนองเดียวกับเงินทองตรา ธนบัตร ตั๋วเงิน พันธบัตร ใบหุ้น ใบหุ้นกู้ ประทวนสินค้า อัญมณีหรือของมีค่าอื่น ๆ รถยนต์เป็นเพียงทรัพย์สินธรรมดาทั่ว ๆ ไป แม้ราคาจะค่อนข้างสูงก็ถือไม่ได้ว่ามีลักษณะเป็นของมีค่า ตาม ป.พ.พ. มาตรา 675 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน ๓๕๔,๔๕๘ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๓๕๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยประกอบกิจการธุรกิจโรงแรมโดยให้บริการหลายประเภทในโรงแรมของจำเลย จำเลยได้จัดเตรียมบริเวณลานจอดรถเพื่อความสะดวกสำหรับผู้มาติดต่อทั่วไปภายในอาคารโรงแรมของจำเลยและบริเวณใกล้เคียง ไม่จำกัดเฉพาะผู้มาเช่าพักอาศัยในโรงแรมของจำเลยเท่านั้น จำเลยจึงไม่มีการทำรั้วรอบขอบชิดและไม่จัดให้มีพนักงานรักษาความปลอดภัย ตลอดจนไม่จัดให้มีบัตรผ่านเข้าออกหรือบัตรจอดรถหรือรับฝากรถ ผู้มาติดต่อผู้เข้าพักโรงแรมหรือผู้นำรถเข้าจอดหรือนำทรัพย์สินเข้ามาภายในบริเวณโรงแรมของจำเลยจะต้องดูแลรักษารถหรือทรัพย์สินด้วยตนเอง จำเลยไม่มีหน้าที่หรือความรับผิดชอบใด ๆ ต่อรถหรือทรัพย์สินต่าง ๆ ของผู้ที่นำมา การที่นายเนตร ศรีเกาะ ลูกจ้างผู้เอาประกันภัยขับรถที่โจทก์รับประกันภัยไว้เข้าจอดที่บริเวณลานจอดรถ จำเลยไม่มีหน้าที่ดูแลรักษาและไม่อยู่ในความอารักขาของจำเลย เมื่อรถคันดังกล่าวหายไปจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น อีกทั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นเกิดจากความประมาทเลินเล่อของนายเนตรเองที่ไม่ใช้ความระมัดระวังเพื่อป้องกันความเสียหายอันอาจจะเกิดขึ้นได้ และเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากเหตุสุดวิสัยที่จำเลยไม่ต้องรับผิด ประกอบกับขณะที่นายเนตรกับพวกเข้าพักที่โรงแรมของจำเลย ไม่ได้แจ้งหรือไม่ได้ฝากทรัพย์สินหรือของมีค่าอื่น ๆ ที่มีมูลค่าตั้งแต่ ๕๐๐ บาทขึ้นไป ไว้แก่จำเลยและบอกราคาแห่งของนั้นชัดแจ้ง จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น และนายเนตรได้ทราบและตกลงโดยชัดแจ้งว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดชอบต่อความสูญหายหรือบุบสลายของรถที่เข้ามาจอดในบริเวณลานจอดรถ โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกันภัย เนื่องจากหนังสือเรียกร้องค่าเสียหายเป็นของบุคคลภายนอกไม่ใช่ผู้เอาประกันภัยของโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๓๕๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๓๙ จนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ ดอกเบี้ยก่อนฟ้อง (ฟ้องวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๓๙) ต้องไม่เกิน ๔,๔๕๘ บาท กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๖,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๕ พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติโดยไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาโต้แย้งว่า เมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๓๙ เวลาประมาณ ๒๓ นาฬิกา นายเนตร ศรีเกาะ ลูกจ้างของบริษัทรีไลแอนซ์ แทรเวิล (ประเทศไทย) จำกัด ได้ปฏิบัติหน้าที่ขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าหมายเลขทะเบียน ๓ ฝ – ๔๘๓๔ กรุงเทพมหานคร ของนายจ้าง พานักท่องเที่ยวซึ่งเป็นลูกค้าของนายจ้างไปพักที่โรงแรมของจำเลย โดยนายเนตรจอดรถยนต์ไว้ที่บริเวณลานจอดรถของจำเลย ครั้นวันรุ่งขึ้นปรากฏว่ารถยนต์ถูกลักไป ต่อมาโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวจากบริษัทรีไลแอนซ์ แทรเวิล (ประเทศไทย) จำกัด กำหนดจำนวนเงินรับผิดกรณีถูกลักทรัพย์ไว้คือ ๓๕๐,๐๐๐ บาท ตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์เอกสารหมาย จ. ๔ ได้ชำระเงินตามกรมธรรม์ดังกล่าว และฟ้องไล่เบี้ยเรียกเงินจำนวนดังกล่าวคืนจากจำเลยเป็นคดีนี้…
ที่จำเลยฎีกาว่า ลานจอดรถมิใช่ที่เก็บทรัพย์สินของผู้มาพักในโรงแรมจำเลย จำเลยได้ปิดประกาศไม่รับผิดชอบในกรณีเกิดความสูญหายต่อทรัพย์สินของผู้มาใช้บริการไว้ที่ลานจอดรถแล้ว รถยนต์สูญหายเกิดจากความประมาทเลินเล่อของนายเนตร อีกทั้งนายเนตรก็มิได้แจ้งฝากรถยนต์ไว้ต่อจำเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดตามฟ้อง เห็นว่า จำเลยรับอยู่แล้วว่าลานจอดรถดังกล่าวเป็นของจำเลยจัดให้ผู้มาพักโรงแรมของจำเลยได้จอดรถ นายเนตรจึงมีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะนำรถยนต์เข้าไปจอดภายในบริเวณลานจอดรถดังกล่าวซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลย ส่วนการที่จำเลยปิดประกาศไม่รับผิดชอบหากเกิดการสูญหายของทรัพย์สินตามภาพถ่ายหมาย ล. ๑ ก็ไม่ปรากฏจากทางนำสืบของจำเลยว่า นายเนตรได้ตกลงด้วยโดยชัดแจ้งในการยกเว้นความรับผิดตามประกาศดังกล่าว กรณีจึงไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๗๗ และเมื่อนายเนตรได้ปิดล็อกประตูรถยนต์ทุกบานแล้วเพราะเป็นระบบเซ็นทรัลล็อก ย่อมถือได้ว่านายเนตรมิได้ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้รถยนต์สูญหาย คำเบิกความของนางสาวมยุรีพยานจำเลยเพียงแต่อ้างว่า ตรวจบริเวณเกิดเหตุไม่มีร่องรอยเศษกระจกตกหล่นอยู่ สันนิษฐานว่านายเนตรมิได้ล็อกรถเท่านั้น ไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสนับสนุน จึงไม่อาจรับฟังหักล้างคำเบิกความของนายเนตรได้ กรณีไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๗๕ วรรคสาม ส่วนเรื่องการที่นายเนตรมิได้แจ้งฝากรถยนต์ไว้ต่อจำเลยนั้น เห็นว่า ความรับผิดในการที่ทรัพย์สินของคนเดินทางสูญหายไปจำกัดไว้เพียงห้าร้อยบาท หมายถึง ทรัพย์สินที่มีคุณค่าอันมีลักษณะพิเศษทำนองเดียวกับเงินทองตรา ธนบัตร ตั๋วเงิน พันธบัตร ใบหุ้น ใบหุ้นกู้ ประทวนสินค้า อัญมณี หรือของมีค่าอื่น ๆ ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๗๕ วรรคสอง แต่รถยนต์เป็นเพียงทรัพย์สินธรรมดาทั่ว ๆ ไปเท่านั้น ถึงแม้ราคาจะค่อนข้างสูงก็ตาม ยังถือไม่ได้ว่ามีลักษณะเป็นของมีค่าตามความหมายของบทบัญญัติดังกล่าว นายเนตรไม่จำต้องแจ้งฝากรถยนต์ไว้ต่อจำเลย จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาคดีชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน โจทก์ไม่ได้แก้ฎีกาจึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นฎีกาให้.

Share