แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การขายสินค้าด้วยวิธีที่ผู้ซื้อหยอดเหรียญที่ขวดโหลซึ่งมีขนมหรือของเล่นบรรจุอยู่ เมื่อผู้ซื้อหมุนปุ่มจะมีของเล่นหรือขนมตกลงมา ของเล่นบางชนิดหากเปิดออกไม่มีสลากอยู่ภายในผู้ซื้อก็เป็นฝ่ายเสีย ถ้ามีสลากผู้ซื้อก็เป็นฝ่ายได้ บาง ชนิดขนมหรือของเล่นมีราคาน้อยหรือมากกว่าราคาเหรียญ ที่หยอดดังนี้เป็นการพนันคล้ายสล๊อทแมชีน เพราะมีทั้งได้ทั้งเสีย
จำเลยนำเครื่องเล่นดังกล่าวออกมาตั้งที่หน้าร้านขายของชำเด็กมาเล่นได้ตามต้องการทุกเวลา ทั้งเครื่องเล่นที่จับกุมมามีเหรียญซึ่งผู้เล่นหยอดไว้แล้ว ดังนี้ จำเลยเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน แม้ขณะจับกุมจะไม่มีเด็กกำลังเล่นอยู่ก็ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 กำหนดแต่เพียงว่าให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาให้ผู้ต้องหาทราบเท่านั้นมิได้บังคับว่าเมื่อแจ้งข้อหาอย่างไรแล้วก็จะต้องฟ้องผู้ต้องหาในข้อหานั้นๆดังนี้ เมื่อจับกุมแจ้งข้อหาว่าเป็นผู้จัดให้มีการแถมพกด้วยการแจกรางวัล แล้วฟ้องตามที่แจ้งข้อหาใหม่ว่าเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันอันมีลักษณะคล้ายสล๊อทแมชีน ดังนี้ เป็นการสอบสวนชอบด้วย มาตรา 134 แล้ว
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12 ปรับ 2,000 บาท ของกลางริบศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง ของกลางคืนเจ้าของ โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “สำหรับปัญหาที่ว่าการขายสินค้าด้วยวิธีที่ผู้ซื้อหยอดเหรียญที่ขวดโหลซึ่งมีขนมหรือของเล่นบรรจุอยู่ เมื่อผู้ซื้อหมุนปุ่ม ขนมหรือของเล่นในขวดโหลจะตกลงมาเป็นการพนันคล้ายสล๊อทแมชีนหรือไม่นั้น ได้ความว่าขวดโหลของกลางที่จับได้จากจำเลยมีจำนวน 5 โหล ศาลหมาย จ.1 ถึง จ.5 สำหรับขวดโหลหมาย จ.4 ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า มิใช่ขวดโหล (เครื่องเล่น) ที่จะใช้เป็นการพนันได้ ส่วนขวดโหล หมาย จ.1, จ.2, จ.3 และ จ.5 นั้น ปรากฏว่าขวดโหลหมาย จ.1 บรรจุลูกกลมทำด้วยพลาสติกเป็นรูปตุ๊กตาล้มลุกและรูปสี่เหลี่ยมแบบเครื่องรับโทรทัศน์เปิดข้างในได้ ในลูกพลาสติกนี้อาจบรรจุสิ่งของหรือไม่บรรจุอะไรเลย ขวดโหลหมาย จ.2, จ.3 และ จ.5 บรรจุขนมและของเล่นทำด้วยพลาสติกต่างชนิดคละกัน ทนายจำเลยขอให้ร้อยตำรวจเอกระพีพัฒน์ใช้เหรียญบาทหยอดที่ขวดโหลหมาย จ.1 เมื่อหมุนปุ่มปรากฏว่ามีลูกพลาสติกกลมแบบรูปตุ๊กตาล้มลุกตกลงมา 1 ตัว เปิดข้างในไม่มีอะไรแต่ขวดโหลหมาย จ.2, จ.3 และ จ.5 ร้อยตำรวจเอกระพีพัฒน์ไม่ได้หยอดเหรียญเพราะจะต้องใช้เหรียญขนาด 50 สตางค์ แต่ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่าเมื่อหยอดเหรยญ 50 สตางค์ แล้วหมุนปุ่ม ขนมหรือของเล่นที่บรรจุในขวดโหลดังกล่าวจะตกมาอย่างใดอย่างหนึ่ง
จากที่ได้ความดังกล่าวนี้จะเห็นได้ชัดว่าเฉพาะขวดโหลตามหมาย จ.1เมื่อหยอดเหรียญ 1 บาทและหมุนปุ่ม ลูกกลมพลาสติกจะเป็นรูปตุ๊กตาล้มลุกหรือรูปสี่เหลี่ยมแบบเครื่องรับโทรทัศน์จะตกลงมา ถ้าแกะหรือเปิดออกไม่มีสลากอยู่ภายในแล้ว ผู้หยอดเหรียญก็จะไม่ได้อะไรเลย เรียกได้ว่าฝ่ายผู้หยอดเหรียญเป็นฝ่ายเสีย แต่ถ้าภายในลูกกลมพลาสติกมีสลากผู้หยอดเหรียญก็จะเป็นฝ่ายได้ จะให้เข้าใจว่าขวดโหลหมาย จ.1 ทำไว้สำหรับจำหน่ายลูกกลมพลาสติกที่เป็นรูปตุ๊กตาล้มลุกหรือรูปแบบโทรทัศน์ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะลูกกลมเหล่านั้นทำให้เปิดบรรจุของภายในได้เป็นการเจือสมคำเบิกความของพันตำรวจเอกทัศนะที่ว่า ในลูกพลาสติกกลม ๆ บางลูกมีสลาก บางลูกไม่มีสลาก มีสลากเป็นส่วนน้อย
สำหรับขวดโหลหมาย จ.2, จ.3 และ จ.5 นั้นปรากฏว่าของภายในขวดโหลหาใช่มีเพียงชนิดและราคาเดียวเหมือนขวดโหลหมาย จ.4 ไม่ผู้หยอดเหรียญ 50 สตางค์ในขวดโหลเหล่านี้ จึงอาจได้ขนมหรือของเล่นซึ่งมีราคาต่างกัน ถ้าได้ขนมหรือของเล่นที่มีราคาน้อยกว่า 50 สตางค์ก็ถือได้ว่าเป็นฝ่ายเสีย ถ้าได้ของเล่นหรือขนมที่มีราคามากกว่า 50 สตางค์ก็เป็นฝ่ายได้ ด้วยเหตุผลดังนี้ศาลฎีกาเห็นว่า การขายสินค้าด้วยวิธีที่ผู้ซื้อหยอดเหรียญที่ขวดโหล ซึ่งมีขนมหรือของเล่นบรรจุอยู่ดังกล่าวเมื่อผู้ซื้อหมุนปุ่มจะมีของเล่นหรือขนมตกลงมาเป็นการพนันคล้ายสล๊อทแมชีน เพราะมีทั้งได้ทั้งเสีย
สำหรับปัญหาที่ว่า ขณะจับกุมมีเด็กกำลังใช้เหรียญหยอดเครื่องเล่น(ขวดโหลบรรจุขนมหรือสิ่งของ) อยู่หรือไม่นั้น พิเคราะห์แล้วที่ร้อยตำรวจเอกระพีพัฒน์และสิบตำรวจตรีไพฑูรย์เบิกความว่า เห็นเด็ก ๆ กำลังหยอดเหรียญที่เครื่องเล่น แต่ไม่สามารถจับเด็กเหล่านั้นได้ เพราะเด็กเหล่านั้นพากันวิ่งหนีไม่สมเหตุผลกล่าวคือ เจ้าหน้าที่ซึ่งไปทำการจับกุม ในครั้งนี้มีถึง 4 คน ก่อนที่ร้อยตำรวจเอกระพีพัฒน์จะเข้าทำการจับกุมก็ได้จอดรถสังเกตการณ์ห่างร้านจำเลยเพียง 10 เมตร หากมีเด็ก ๆ กำลังหยอดเหรียญเครื่องเล่นอยู่ตำรวจทั้ง 4 คนก็คงจะจับเด็กเหล่านั้นได้บ้างที่สิบตำรวจตรีไพฑูรย์เบิกความว่าแก้ว่า เด็กเหล่านั้นจำตนได้ เพราะไปตรวจแถวนั้นเป็นประจำ พอเห็นลงจากรถก็พากันวิ่งหนีก็ไม่สมเหตุผลอีกเช่นกันเพราะจำเลยเปิดร้านและนำเครื่องเล่นนี้มาตั้ง เป็นเวลาถึง 5 ปีแล้วโดยไม่ถูกจับกุม หากสิบตำรวจตรีไพฑูรย์ไปตรวจเป็นประจำจนเด็ก ๆ แถวนั้นรู้จัก เหตุไฉนเมื่อเด็กเห็นสิบตำรวจตรีไพฑูรย์ลงจากรถจะต้องพากันวิ่งหนี เพราะเด็ก ๆ เหล่านั้นไม่รู้มาก่อนว่าการที่ตนนำเหรียญไปหยอดที่เครื่องเล่นเป็นการพนันผิดกฎหมายข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมจำเลยในขณะที่เด็กกำลังหยอดเหรียญที่เครื่องเล่น
อย่างไรก็ดีแม้ข้อเท็จจริงจะฟังไม่ได้ว่า มีเด็กกำลังหยอดเหรียญในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมนั้น แต่ก็ได้ความว่าจำเลยนำเครื่องเล่นดังกล่าวออกมาตั้งที่หน้าร้านขายของชำ และเด็ก ๆ สามารถที่จะมาเล่นโดยการนำเหรียญซึ่งผู้เล่นหยอดได้ตามความต้องการทุกเวลา ทั้งเครื่องเล่นที่จับกุมมาก็มีเหรียญซึ่งผู้เล่นหยอดไว้แล้ว จึงแสดงว่ามีผู้เล่นการพนันนี้แล้ว ย่อมถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน แม้ขณะจับกุมจะไม่มีเด็กกำลังเล่นอยู่ก็ตามจำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง
ส่วนปัญหาที่จำเลยอ้างว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะเมื่อจับกุมจำเลยได้ลงแจ้งข้อหาว่าเป็นผู้จัดให้มีการแถมพกด้วยการแจกรางวัลแต่โจทก์กลับฟ้องจำเลยในข้อหาเป็นผู้จัดการให้มีการเล่นการพนันอันมีลักษณะคล้ายสล๊อทแมชีนนั้น เห็นว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 กำหนดแต่เพียงว่าให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาให้ผู้ต้องหาทราบเท่านั้น มิได้บังคับว่าเมื่อแจ้งข้อหาอย่างไรแล้วก็จะต้องฟ้องผู้ต้องหาในข้อหานั้น ๆ คดีนี้ชั้นแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้จับเข้าใจว่าเป็นการเล่นการพนันประเภทหนึ่ง แต่เมื่อผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นว่าเป็นการเล่นลักษณะคล้ายสล๊อทแมชีน พนักงานสอบสวนก็ได้แจ้งข้อหาใหม่ให้จำเลยทราบแล้ว การสอบสวนจึงชอบด้วยมาตรา 134 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีความผิดนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ลงโทษจำเลยและบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น