คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4558/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ป. และ ก. เป็นกรรมการของบริษัทโจทก์และเป็นผู้บริหารงานด้านบริการให้แก่บริษัท ซ. ด้วย เดิมโจทก์กับบริษัท ซ. มีที่ตั้งสำนักงานอยู่ที่เดียวกันมีพนักงานขายกลุ่มเดียวกัน จำเลยซื้อสินค้าจากโจทก์และบริษัท ซ. โดยสั่งจ่ายเงินค่าสินค้าทั้งสองบริษัทให้แก่บริษัท ซ. ซึ่งเป็นการชำระหนี้แก่บริษัท ซ. เกินจำนวนจริง ก. ผู้รับเช็คพบความผิดพลาดแล้วแทนที่จะส่งเช็คไปให้จำเลยออกใหม่ตามที่เรียกเก็บ แต่กลับนำเช็คที่ชำระเกินจำนวนนั้นไปเข้าบัญชีของบริษัท ซ. ทั้งหมดแล้วมาทวงหนี้จากจำเลยในนามโจทก์ ดังนี้ เป็นการกระทำที่ไม่สุจริตโดยเอาความผิดพลาดที่เกิดจากการบริหารงานของโจทก์และบริษัท ซ. ที่ระคนปนกันจนบุคคลภายนอกเข้าใจว่าเป็นบริษัทเดียวกัน จึงเป็นการเชิดกันและกันออกแสดงเป็นตัวแทนของตนในการติดต่อกับบุคคลภายนอกผู้สุจริต

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซื้อสินค้าใช้สำหรับเคลือบและป้องกันสนิมของงานเฟรมเครื่องจักรจากโจทก์ 1 ชุด พร้อมว่าจ้างโจทก์ให้นำสินค้านั้นเคลือบและป้องกันสนิมแก่เครื่องจักรของจำเลยเป็นราคาค่าจ้างและภาษีมูลค่าเพิ่ม 441,696 บาท ตกลงชำระภายใน30 วัน นับแต่วันที่ระบุในใบกำกับภาษี/ใบแจ้งหนี้ จำเลยได้รับสินค้าและใบแจ้งหนี้แล้วกลับเพิกเฉยไม่ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 487,983 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน 441,696 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยว่าจ้างบริษัทเซอร์เฟช โพร-เท็ค แอนด์ เซอร์วิสจำกัด ขัดผิวเครื่องจักรและเคลือบสารป้องกันการขัดกร่อนกันสนิม ไม่ได้ว่าจ้างหรือซื้อสินค้าจากโจทก์ บริษัทผู้รับจ้างกับโจทก์มีผู้จัดการฝ่ายการตลาดเป็นบุคคลเดียวกัน ที่ตั้งสำนักงานแห่งเดียวกัน กรรมการบริษัทก็อยู่ในกลุ่มเดียวกัน จำเลยเข้าใจโดยสุจริตว่าเป็นบริษัทในเครือเดียวกันและได้ชำระเงินด้วยเช็คแก่บริษัทผู้รับจ้างจนได้รับใบเสร็จรับเงินเป็นหลักฐานแล้ว หากโจทก์ส่งสินค้าให้บริษัทผู้รับจ้างเพื่อใช้ในงานตามสัญญาระหว่างผู้รับจ้างกับจำเลยก็เป็นเรื่องที่ต้องเรียกร้องจากผู้รับจ้างเอง ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว มีปัญหาตามฎีกาโจทก์ว่าจำเลยต้องชำระเงินจำนวน 441,696 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยตามคำฟ้องหรือไม่ ปัญหานี้โจทก์ฎีกาว่า โจทก์กับบริษัทเซอร์เฟซโพร-เท็ค แอนด์ เซอร์วิส จำกัด เป็นนิติบุคคลต่างหากจากกัน มีกรรมการบริหารคนละชุดกัน โจทก์มิได้เชิดบริษัทเซอร์เฟซ โพร-เท็คแอนด์ เซอร์วิส จำกัด เพื่อรับชำระหนี้แทนโจทก์ จำเลยชำระหนี้ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ชำระหนี้แก่บุคคลไม่ใช่เจ้าหนี้ โจทก์ยังมิได้รับชำระหนี้จากจำเลยโจทก์ไม่มีสิทธิติดตามหนี้จากบริษัทเซอร์เฟซโพร-เท็ค แอนด์ เซอร์วิส จำกัด ตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยนั้น เห็นว่านายวิชา สุทธิโก พนักงานโจทก์เบิกความว่า ในปี 2538 พยานทำงานกับบริษัทโจทก์ บริษัทเซอร์เฟซ โพร-เท็ค แอนด์ เซอร์วิส จำกัด มีนายประกิต มหาแถลง เป็นกรรมการด้านการเงิน นายการชัย พฤกษานุบาลเป็นกรรมการบริษัทโจทก์และเป็นผู้บริหารงานด้านบริการให้แก่บริษัทเซอร์เฟซ โพร-เท็ค แอนด์เซอร์วิส จำกัด ขณะเกิดเหตุคดีนี้ พยานเป็นพนักงานของบริษัทโจทก์ และบริษัทเซอร์เฟซ โพร-เท็ค แอนด์ เซอร์วิสจำกัด นายการชัย พฤกษานุบาลเบิกความว่าพยานเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อ ประทับตราสำคัญทำการแทนโจทก์แต่ผู้เดียวเดิมบริษัทโจทก์กับบริษัทเซอร์เฟซ โพร-เท็ค เซอร์วิส จำกัด มีที่ตั้งสำนักงานอยู่ที่เดียวกัน มีพนักงานขายกลุ่มเดียวกัน เมื่อเดือนธันวาคม2538 จำเลยติดต่อบริษัทเซอร์เฟซ โพร-เท็ค แอนด์ เซอร์วิส จำกัดเพื่อขอซื้อสารเคลือบและป้องกันสนิมพร้อมว่าจ้างเคลือบสารกับเครื่องจักรจำเลย โดยซื้อสารเคลือบจากบริษัทดังกล่าวและจากโจทก์ตามใบเสนอราคา จำเลยได้ให้บริษัทเซอร์เฟซ โพร-เท็ค แอนด์ เซอร์วิสจำกัด เสนอรายชื่อพนักงานที่จะทำงานเคลือบสารที่บริษัทจำเลยปรากฏตามรายชื่อที่บริษัทดังกล่าวแจ้งไปหลังทำงานเสร็จ มีการแจ้งวางบิลจากโจทก์และบริษัทเซอร์เฟซ โพร-เท็ค แอนด์ เซอร์วิส จำกัด ไปให้จำเลยจำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินค่าสินค้าทั้งสองบริษัทจำนวน 747,008 บาทให้แก่บริษัทเซอร์เฟซ โพร-เท็ค แอนด์ เซอร์วิส จำกัด พยานจึงนำเข้าบัญชีบริษัทดังกล่าว แล้วทวงถามจำเลยชำระเงินค่าสินค้าให้แก่โจทก์ จำเลยยอมรับว่ามีการผิดพลาดแต่ไม่ยอมชำระ แสดงว่าขณะจำเลยชำระหนี้แก่บริษัทเซอร์เฟซ โพร-เท็ค แอนด์ เซอร์วิส จำกัด เกินจำนวนจริงนายการชัย กรรมการผู้จัดการโจทก์ผู้รับเช็คพบความผิดพลาดแล้วแทนที่จะส่งเช็คไปให้จำเลยออกใหม่ตามที่เรียกเก็บ แต่กลับนำเช็คที่ชำระเกินจำนวนนั้นไปเข้าบัญชีของบริษัทเซอร์เฟซ โพร-เท็ค แอนด์ เซอร์วิสจำกัด ทั้งหมด แล้วมาทวงหนี้จากจำเลยในนามโจทก์ เป็นการกระทำที่ไม่สุจริตโดยเอาความผิดพลาดที่เกิดจากการบริหารงานของโจทก์และบริษัทเซอร์เฟซ โพร-เท็ค แอนด์ เซอร์วิส จำกัด ที่ระคนปนกันจนบุคคลภายนอกเข้าใจว่าเป็นบริษัทเดียวกัน จึงเป็นการเชิดกันและกันออกแสดงเป็นตัวแทนของตนในการติดต่อกับบริษัทภายนอกผู้สุจริตศาลล่างทั้งสองฟังว่า โจทก์กับบริษัทเซอร์เฟซ โพร-เท็ค แอนด์ เซอร์วิสจำกัด เชิดกันและกันเป็นตัวแทนในการติดต่อกับจำเลยชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share