แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยฝ่าฝืนไม่ไปรับการตรวจคัดเลือกเพื่อเข้ารับราชการทหารในวันที่ 8 เมษายน 2498 แม้จะไม่ได้กล่าวว่าเวลากระทำผิดเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืนก็ตาม เมื่อเป็นที่เข้าใจทั่วไปแล้วว่าการตรวจคัดเลือก ตามปกติเป็นเวลากลางวัน และในฟ้องกล่าวว่าจำเลยทราบกำหนดแล้ว ประกอบกับจำเลยรับสารภาพ ดังนี้ ย่อมแสดงว่าจำเลยเข้าใจข้อหาดีแล้วมิได้หลงข้อต่อสู้ ฟ้องโจทก์ที่เกี่ยวกับวันเวลาจึงสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) แล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้รับหมายเรียกกำหนดให้จำเลยไปรับการตรวจเลือกเพื่อเข้ารับราชการทหาร ณ ที่ว่าการอำเภอ ในวันที่ 8 เมษายน 2498 จำเลยทราบกำหนดแล้วฝ่าฝืนไม่ไป ขอให้ลงโทษ
ชั้นแรกจำเลยภาคเสธ แล้วให้การใหม่รับสารภาพว่าได้ทำผิดจริงเช่นที่โจทก์กล่าวหาทุกประการ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าฟ้องโจทก์ขาดสาระสำคัญไม่ได้ระบุเวลากระทำ ไม่ครบองค์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยมีความผิดตาม พระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 มาตรา 45 ให้จำคุกจำเลย 4 เดือน ลดตามมาตรา 59 กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ 2 เดือน
จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์ไม่สมบูรณ์ ฯลฯ
ศาลฎีกาเห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)บัญญัติให้กล่าวรายละเอียดเกี่ยวกับเวลากระทำผิดในฟ้องแต่พอสมควรโดยมีวัตถุประสงค์ให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีเท่านั้น แม้ในฟ้องคดีนี้จะไม่ได้กล่าวเวลากระทำผิดว่าเป็นกลางวันหรือกลางคืนก็ตามแต่ก็ย่อมเป็นที่เข้าใจทั่วไปแล้วว่าการตรวจคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการทหารนั้นตามปกติเป็นเวลากลางวัน ทั้งในฟ้องก็ได้กล่าวไว้แล้วว่าจำเลยได้ทราบกำหนด วันเวลาตามหมายเรียกที่ให้จำเลยไปรับการตรวจเลือกดีแล้ว ถึงวันกำหนดจำเลยไม่ไปย่อมแสดงว่าโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดตามวันเวลาในหมายเรียกจำเลยก็รับสารภาพและแสดงว่าเข้าใจข้อหาดีแล้ว มิได้หลงข้อต่อสู้ในเรื่องวันเวลากระทำผิดในฟ้องเลย ฟ้องโจทก์จึงสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ศาลอุทธรณ์วางบทกำหนดโทษมาชอบแล้ว แต่เห็นสมควรให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้ ฯลฯ