แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้ในฐานะนิติบุคคล มี ว. เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ โดยมิได้ระบุว่า ว. ฟ้องคดีนี้ในฐานะผู้ชำระบัญชีบริษัทโจทก์ ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าโจทก์จดทะเบียนเลิกบริษัทก่อนฟ้องแล้ว อำนาจในการฟ้องคดีจึงตกอยู่แก่ผู้ชำระบัญชีตาม ป.พ.พ. มาตรา 1259 โจทก์โดย ว. ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนจึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 379,411.12 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน 350,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 250,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2540 เป็นต้นไปแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 230,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2540 เป็นต้นไปแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงปรากฏจากคำร้องของจำเลยและคำแถลงรับของโจทก์ฟังได้ว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีนาย ว อรัญ เวชโพธิ์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ ต่อมาโจทก์จดทะเบียนเลิกบริษัทเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2541 โดยมีนาย ว อรัญเป็นผู้ชำระบัญชี และจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีในวันที่ 21 กรกฎาคม 2541 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2541 คดีมีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยในเบื้องต้นตามที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ ในข้อนี้จำเลยฎีกาว่าโจทก์จดทะเบียนเลิกบริษัทโดยมีนาย ว อรัญ เป็นผู้ชำระบัญชี จากนั้นโจทก์โดยนาย ว อรัญ ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ ไม่ใช่ในฐานะผู้ชำระบัญชีบริษัทโจทก์ จึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น เห็นว่า จากคำฟ้องของโจทก์ โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้ในฐานะนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีนาย ว อรัญ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ โดยมิได้ระบุว่านาย ว อรัญ ฟ้องคดีนี้ในฐานะผู้ชำระบัญชีบริษัทโจทก์ ทั้งโจทก์ยังนำพยานโจทก์ปากนาย ว อรัญ เข้าเบิกความพร้อมอ้างส่งเอกสารเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2541 และวันที่ 15 ธันวาคม 2541 โดยนาย ว อรัญ เบิกความมีใจความว่าโจทก์มีฐานะเป็นนิติบุคคล มีนาย ว อรัญ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ดังเดิมเช่นนี้ จึงเป็นการยืนยันว่าบริษัทโจทก์ฟ้องคดีนี้โดยนาย ว อรัญ ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทน เมื่อปรากฏว่าโจทก์จดทะเบียนเลิกบริษัทก่อนฟ้องคดีนี้ อำนาจในการฟ้องคดีจึงตกอยู่แก่ผู้ชำระบัญชีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1259 โจทก์โดยนาย ว อรัญ ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนจึงไม่มีอำนาจฟ้อง ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น คดีไม่จำต้องวินิจฉัยในประเด็นข้ออื่นอีก ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์