แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานวิ่งราวทรัพย์ ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยลักทรัพย์ ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยประพฤติตนเป็นคนจรจัดและบังอาจวิ่งราวกระเป๋าหนังของนางเมี่ยวล้ง ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องโทษหลายครั้งขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 30, 297, 73 และพระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ. 2479 มาตรา 6, 8, 9 จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับในข้อเคยต้องโทษ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์ตามมาตรา 288 จำคุก 1 ปี เพิ่มโทษตามมาตรา 72 อีก 1 ใน 3คงจำคุก 1 ปี 4 เดือน และพ้นโทษแล้วส่งตัวไปกักกันอีก 4 ปี
จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้ลงโทษตามมาตรา 288 ศาลจะลงโทษเกินคำขอไม่ได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 297 นั้น มีลักษณะครบถ้วนในความผิดฐานลักทรัพย์ตามมาตรา 288 เพราะมาตรา 288 เป็นแม่บทในเรื่องความผิดฐานลักทรัพย์ความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ตามมาตรา 297 เป็นเหตุฉกรรจ์ในความผิดฐานลักทรัพย์ เพราะเป็นการลักทรัพย์ โดยกิริยาบังอาจด้วยการฉกฉวยพาทรัพย์หนีไปต่อหน้าข้อเท็จจริงที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานวิ่งราวทรัพย์ ก็รวมความผิดฐานลักทรัพย์อยู่ในตัวด้วยแล้ว เมื่อทางพิจารณาโจทก์สืบสมว่าจำเลยลักทรัพย์ ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ตามมาตรา 288 ตามฐานความผิดที่ถูกต้องได้
พิพากษายืน