คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1181/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ถอนฟ้องคดีอาญาแผ่นดิน โดยมีข้อตกลงว่า โจทก์ยอมรับเอาส่วนแบ่งในที่ดินเป็นการตอบแทน ข้อตกลงนั้นเป็นการขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อย จึงเป็นโมฆะตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 113.

ย่อยาว

เดิมโจทก์ได้ฟ้องจำเลยหาว่า แจ้งความเท็จ ในการไปร้องขอรับที่ดินมฤดกนายสัง โดยตัดนายฉุบบิดาโจทก์ออกเสียจากเครือญาตินายสัง ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้อง คดีมีมูล หมายเรียกจำเลยมาแก้คดี ถึงวันนัดโจทก์ จำเลยตกลงกันดังศาลได้บันทึกไว้ในรายงานพิจารณาลงวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๔๘๙ มีความว่า “คู่ความได้ทำความตกลงกัน คือ จำเลยจะตัดที่ดินด้านตะวันออกที่มีบ่อน้ำให้โจทก์ ๑ ไร่ กับ ๑๑๙ วา แล้วโจทก์จะไม่ว่ากล่าวเอาความต่อไปทั้งแพ่งและอาญา ฯลฯ” เมื่อเช่นนี้โจทก์ถอนฟ้อง ศาลอนุญาต ต่อมาจำเลยไม่ยอมแบ่งที่ดินตามข้อตกลงดังกล่าว โจทก์จึงฟ้องเป็นคดีนี้ ขอให้ศาลบังคับจำเลยตามข้อตกลงในรายงานพิจารณาลงวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๔๘๙ จำเลยให้การว่า รายงานพิจารณาที่โจทก์อ้าง ไม่เป็นสัญญาที่จะใช้บังคับจำเลยได้ เพราะวัตถุประสงค์ผิดกฎหมาย เป็นโมฆะตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา ๑๑๓ ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน แล้วพิพากษาให้บังคับจำเลยตามข้อตกลง ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีก่อนเป็นความอาญาแผ่นดิน โจทก์ไม่มีสิทธิยอมความ ข้อตกลงตกเป็นโมฆะ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาโจทก์คัดค้านว่าการถอนฟ้องของโจทก์จะเรียกว่า มีวัตถุประสงค์ผิดกฎหมายไม่ได้ เพราะพนักงานอัยยการยังฟ้องใหม่ได้นั้น เห็นว่า การที่พนักงานอัยยการมีสิทธิฟ้องใหม่ได้นั้นเอง เป็นข้อแสดงว่ากฎหมายไม่ประสงค์จะให้ผู้เสียหายยอมเลิกความในคดีอาญาแผ่นดิน เพราะเป็นการขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อย เมื่อโจทก์ไปทำนิติกรรมยอมเลิกความ โดยประสงค์ต่อประโยชน์ตอบแทน จึงเป็นโมฆะตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา ๑๑๓ และข้อคัดค้านว่า เมื่อฟ้องทางอาญาไม่ตัดสิทธิที่จะฟ้องทางแพ่งนั้น เห็นว่า เรื่องนี้โจทก์มิได้ฟ้องขอแบ่งมฤดกจากจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะมฤดก แต่เป็นการฟ้องขอให้บังคับตามข้อตกลงในรายงานพิจารณาคดีอาญา ซึ่งตกเป็นโมฆะ จึงไม่มีทางบังคับได้
พิพากษายืน

Share