คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7722/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นเรียงกระทงลงโทษจำเลย 2 กระทง กระทงแรกจำคุกตลอดชีวิต กระทงที่สองจำคุก 1 ปี เมื่อความผิดกระทงแรกลงโทษจำคุกตลอดชีวิตแล้ว จึงไม่จำต้องนำโทษกระทงอื่นมาลงอีก แต่ตาม ป.อ. มาตรา 91 (3) บัญญัติตอนท้ายไว้ความว่า เว้นแต่กรณีที่ศาลลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งหมายความว่า หากกระทงหนึ่งกระทงใดมีโทษที่จะลงแก่จำเลยจริง ๆ เป็นโทษจำคุกตลอดชีวิตแล้ว ศาลลงโทษจำเลยได้เพียงจำคุกตลอดชีวิตเท่านั้น ความผิดกระทงแรกศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่เมื่อลดโทษให้จำเลยแล้ว คงลงโทษจำคุก 33 ปี 4 เดือน จึงอยู่ในเกณฑ์ที่จะนำเอาโทษจำคุกในความผิดกระทงที่สองมารวมอีกได้ ซึ่งเมื่อรวมกับโทษกระทงที่สองหลังจากลดโทษให้จำเลยจำคุก 8 เดือน รวมเป็นโทษจำคุก 33 ปี 12 เดือน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 3, 4, 6, 14 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 57, 66, 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 6 (ที่ถูกมาตรา 6 (2) ประกอบด้วยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง, 66 วรรคสอง) พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 57, 91 (ที่ถูกและประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91) วางโทษฐานเป็นผู้จัดหาให้เงินเพื่อประโยชน์และให้ความสะดวกแก่การกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จำคุกตลอดชีวิต และฐานเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำคุก 1 ปี การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน แต่เมื่อศาลวางโทษจำคุกตลอดชีวิตแล้ว จึงไม่จำต้องนำโทษในกระทงอื่นมาลงอีกต่อไป คงลงโทษจำคุกตลอดชีวิต คำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 (ที่ถูกต้อง ประกอบมาตรา 53) ให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 33 ปี 4 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2541 เจ้าพนักงานตำรวจได้จับกุมนายสันติกับพวก จำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ 7228/2542 ของศาลอาญากรุงเทพใต้ พร้อมด้วยเมทแอมเฟตามีนจำนวน 27,679 เม็ด น้ำหนัก 2,577.958 กรัม ในข้อหามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ในคดีดังกล่าวศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า นายสันติกับพวกมีความผิดตามฟ้องโดยรถยนต์ที่นายสันติกับพวกใช้ในการกระทำความผิดเป็นของนางใกล้รุ่ง ภริยาคนหนึ่งของจำเลยและนางใกล้รุ่งเป็นผู้โอนเงินจำนวน 640,000 บาท เข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาย่อยห้วยไคร้ แม่จัน ของนายสันติเพื่อให้นายสันตินำไปซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลาง และรับฟังเป็นยุติโดยจำเลยมิได้ฎีกาว่า จำเลยเสพ 3, 4 – เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีน มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดฐานเป็นผู้จัดหาให้เงินแก่ผู้อื่นเพื่อประโยชน์และความสะดวกแก่การกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด โดยเป็นผู้มอบเงินจำนวน 640,000 บาท ให้นางใกล้รุ่งนำไปโอนเข้าบัญชีธนาคารของนายสันติเพื่อให้นายสันตินำไปซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลางมาไว้ครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ พยานหลักฐานของโจทก์ไม่เป็นพิรุธ ศาลล่างทั้งสองพิพากษามาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ที่ศาลชั้นต้นเรียงกระทงลงโทษจำเลย 2 กระทง กระทงแรกในความผิดฐานเป็นผู้จัดหาให้เงินแก่ผู้อื่นเพื่อประโยชน์และความสะดวกแก่การกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด วางโทษจำคุกตลอดชีวิต กระทงที่สองในความผิดฐานเสพยาเสพติดให้โทษ จำคุก 1 ปี และเห็นว่า เมื่อความผิดกระทงแรกวางโทษจำคุกตลอดชีวิตแล้ว จึงไม่จำต้องนำโทษกระทงอื่นมาลงอีก แล้วลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสาม คงจำคุก 33 ปี 4 เดือน นั้น ตามประปมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) บัญญัติตอนท้ายไว้ความว่า เว้นแต่กรณีที่ศาลลงโทษจำคุกตลอดชีวิต หมายความว่า หากกระทงใดกระทงหนึ่งมีโทษที่จะลงแก่จำเลยจริง ๆ เป็นโทษจำคุกตลอดชีวิตแล้ว ศาลคงลงโทษจำเลยได้เพียงจำคุกตลอดชีวิตเท่านั้น คดีนี้ความผิดกระทงแรกศาลชั้นต้นวางโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่เมื่อลดโทษให้จำเลยแล้ว คงลงโทษจำคุก 33 ปี 4 เดือน จึงอยู่ในเกณฑ์ที่จะนำเอาโทษจำคุกในความผิดกระทงที่สองมารวมอีกได้ ซึ่งเมื่อรวมกับโทษกระทงที่สองหลังจากลดโทษให้จำเลยแล้วจำคุก 8 เดือน รวมเป็นโทษจำคุก 33 ปี 12 เดือน ที่ศาลชั้นต้นไม่นำโทษของจำเลยในความผิดกระทงที่สองมารวมลงแก่จำเลยเป็นการไม่ถูกต้อง แต่เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยให้ถูกต้อง ศาลฎีกาจึงไม่อาจแก้ไขให้ถูกต้องได้เพราะจะเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลย ซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 ประกอบมาตรา 225 คงลงโทษได้เพียงจำคุก 33 ปี 4 เดือน ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
พิพากษายืน

Share