คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 763/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยไถดินบนทางพิพาทอันเป็นทางสาธารณะ โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยไถคันดินและโค่นต้นไม้ในที่ดินของโจทก์ เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่รับวินิจฉัย โจทก์ฎีกาว่า จำเลยไถทางและต้นไม้เข้าไปในที่ดินของโจทก์เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่รับวินิจฉัย จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ภาค 1 ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2533 เวลากลางวันจำเลยทั้งหกร่วมกันเข้าไปในที่ดินตาม น.ส.3 ก. ซึ่งโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองแล้วร่วมกันใช้รถแทรกเตอร์และรถตักดินทำการไถเกรดที่ดินและดันต้นไม้ยืนในที่ดิน คิดเป็นเนื้อที่ 2 ไร่เศษโดยโจทก์มิได้ยินยอม เป็นการเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์เพื่อเข้ายึดถือครอบครองอสังหาริมทรัพย์บางส่วน หรือเข้าไปกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์โดยปกติสุข และเป็นการทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งคันนาและต้นไม้ยืนต้นของโจทก์คิดเป็นเงินประมาณ 20,000 บาท เหตุเกิดที่ตำบลหนองบัวโคก อำเภอจัตุรัสจังหวัดชัยภูมิ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91,358, 362, 365 และให้ร่วมกันใช้ราคาทรัพย์จำนวน 20,000 บาทแก่โจทก์
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องคดีส่วนอาญาแล้ว เห็นว่าคดีมีมูลให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งหกให้การปฏิเสธ และให้การคดีส่วนแพ่งว่า จำเลยที่ 1ร่วมกับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ซึ่งเป็นคณะกรรมการหมู่บ้านแผ้วถางบูรณะทางสาธารณะซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของที่ดินโจทก์ มิได้บุกรุกเข้าไปทำให้ต้นไม้ในแนวเขตที่ดินของโจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ และพิพากษายืนในความผิดฐานบุกรุก
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทั้งหกได้ใช้รถไถและรถแทรกเตอร์ไถดินบนทางพิพาทอันเป็นทางสาธารณะ พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังว่าจำเลยทั้งหกได้กระทำความผิด โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยทั้งหกร่วมกันไถคันดินและโค่นต้นไม้ในที่ดินของโจทก์ เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิโจทก์ฎีกาว่า จำเลยทั้งหกร่วมกันนำเครื่องจักรไถทางและต้นไม้เข้าไปในที่ดินโจทก์ เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1ไม่รับวินิจฉัย จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ภาค 1 ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษาให้ยกฎีกาโจทก์

Share