แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า ผู้ร้องฎีกา ทนายผู้ร้องมิได้มีเจตนาที่จะไม่นำส่งหมายให้แก่โจทก์แต่อย่างใด เพียงแต่ทนายผู้ร้องมีความสับสนในการนำส่งหมาย โดยเข้าใจว่าได้ส่งหมายให้คู่ความ ครบถ้วน ประกอบกับผู้ร้องมีโอกาสชนะคดี ขอศาลโปรดมีคำสั่ง อนุญาตให้ทนายผู้ร้องนำส่งหมายให้แก่โจทก์อีกครั้งหนึ่ง
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
กรณีเป็นชั้นร้องขัดทรัพย์
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 23336 เลขที่ดิน 2001 ตำบลสวนใหญ่(บางตะนาวศรี)อำเภอเมืองนนทบุรี(ตลาดขวัญ) จังหวัดนนทบุรีพร้อมสิ่งปลูกสร้าง โดยอ้างว่าเป็นทรัพย์ของจำเลยที่ 1เพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดคืนแก่ผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ปล่อยทรัพย์พิพาทคืนแก่ผู้ร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของ ผู้ร้อง
ผู้ร้องฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า รับฎีกาของผู้ร้องสำเนาให้โจทก์และจำเลยแก้ ส่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบให้ผู้ร้องนำส่งภายใน 7 วัน หากไม่มีผู้รับให้ปิด หากส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 7 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งฎีกา (อันดับ 75)
ปรากฏว่าทนายผู้ร้องนำส่งหมายให้เฉพาะจำเลยและเจ้าพนักงานบังคับคดี แต่ไม่ได้ส่งสำเนาให้โจทก์ โจทก์ขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้ร้องทิ้งฎีกาศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งถ้อยคำสำนวนไปศาลฎีกา (อันดับ 77)
ผู้ร้องยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 80)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การที่ผู้ร้องฎีกา ทนายผู้ร้องได้ส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยและเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว แสดงว่า ผู้ร้องมีความประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป แม้จะไม่ได้นำส่งสำเนา ฎีกาให้แก่โจทก์เพราะทนายผู้ร้องสับสน ก็ยังมีพฤติการณ์ สมควรไม่ถือว่าผู้ร้องทิ้งฎีกา ยังไม่สมควรจำหน่ายคดี ให้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งกำหนดให้ผู้ร้องส่งสำเนาฎีกาแก่โจทก์ แล้วดำเนินการต่อไป