คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7623/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มเดือนกันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายน2536 โจทก์ลงรายการในช่องภาษีที่ชำระเกินยกมาเป็นจำนวนเงิน 157,989.33 บาท ผิดโดยลงซ้ำทั้งสามเดือน และโจทก์อ้างว่าฐานภาษีซื้อของโจทก์ในเดือนมิถุนายนและตุลาคม 2535 โจทก์ใช้ราคาสินค้าตามความจริงโดยมิได้นำราคาที่เจ้าพนักงานศุลกากรประเมินเพิ่มมาเป็นฐานภาษี ในระหว่างอุทธรณ์การประเมินโจทก์ได้เสนอเอกสารใบกำกับภาษีซื้อ ภาษีขาย รายงานภาษี แบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อประกอบการพิจารณาด้วยแล้ว การที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เพียงแต่พิจารณาหลักฐานรายงานภาษีขายและภาษีซื้อเดือนพฤศจิกายน 2536 โดยมิได้นำเอกสารดังกล่าวมาพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่าการประเมินชอบแล้ว เห็นได้ว่าเป็นการนำข้อมูลจากรายงานภาษีขายและภาษีซื้อของโจทก์ในเดือนพฤศจิกายน 2536 ซึ่งโจทก์นำสืบว่าโจทก์ลงไว้ผิดมาวินิจฉัย โดยมิได้ตรวจสอบจากเอกสารที่โจทก์นำมาส่งให้เพื่อประกอบการพิจารณาด้วยการประเมินของเจ้าพนักงานประเมิน และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จึงไม่ชอบ
ประมวลรัษฎากร มาตรา 83/4 เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับการยื่นแบบและชำระภาษีและเป็นทางแก้กรณีผู้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีไว้ไม่ถูกต้องครบถ้วนและให้โอกาสผู้ยื่นแบบแสดงรายการภาษียื่นเพิ่มเติมใหม่เพื่อให้ถูกต้องครบถ้วนได้ บทบัญญัติดังกล่าวมิได้บัญญัติห้ามมิให้ศาลภาษีอากรเข้าไปวินิจฉัยว่าการประเมินภาษีหรือคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของเจ้าพนักงานประเมินหรือของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ถูกต้องหรือไม่การที่ศาลภาษีอากรมีคำวินิจฉัยในเรื่องนี้จึงมิใช่เป็นการลัดขั้นตอนของกฎหมายหรือเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินตามหนังสือแจ้งการประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มเลขที่ 1026/5/102503 ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2538 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์เลขที่304/2540/สภ.1 (กม.2) ลงวันที่ 26 สิงหาคม 2540 และหากโจทก์ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มก็ขอให้งดหรือลดเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม

จำเลยทั้งสามให้การว่า การประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมายแล้วขอให้ยกฟ้อง

ก่อนสืบพยานโจทก์ โจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 4 ศาลภาษีอากรกลางอนุญาต

ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้แก้ไขการประเมินตามหนังสือแจ้งการประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มเลขที่ 1026/5/102503 ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2538 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ ภส.7 เลขที่ 304/2540/สภ.1 (กม.2) เป็นให้โจทก์ชำระภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน17,657.24 บาท เบี้ยปรับจำนวน 8,828.62 บาท และเงินเพิ่มร้อยละ 1.5 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของเงินภาษีจำนวน 17,657.24 บาท นับแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2536 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ แต่ไม่เกินจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องชำระ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1มีว่า การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ซึ่งเป็นจำเลยที่เหลือชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ที่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ว่าเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 ประเมินภาษีแก่โจทก์ตามข้อมูลที่โจทก์ได้ยื่นแสดงรายการไว้ต่อจำเลยที่ 1 ในแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30)โดยจำเลยที่ 1 มิได้นำข้อมูลนอกจากที่โจทก์ยื่นแสดงไว้มาคำนวณ และก่อนจำเลยที่ 1จะออกแบบแจ้งการประเมินก็ได้เรียกโจทก์มาพบเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่โจทก์ก็ไม่มาชี้แจง และในชั้นพิจารณาอุทธรณ์โจทก์ก็มิได้อุทธรณ์เกี่ยวกับเครดิตภาษีที่ยกมาจากเดือนก่อน แต่อุทธรณ์เกี่ยวกับฐานภาษีเท่านั้น ทั้งในชั้นพิจารณาอุทธรณ์โจทก์ก็มิได้ชี้แจงข้อผิดพลาดเกี่ยวกับการลงรายการฐานภาษีซื้อว่าผิดพลาด จึงไม่มีประเด็นข้อผิดพลาดเกี่ยวกับฐานภาษีของโจทก์ให้วินิจฉัย การประเมินจึงชอบแล้วนั้น เห็นว่าตามพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบว่าในแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มเดือนกันยายนตุลาคม และพฤศจิกายน 2536 ตามเอกสารหมาย จ.1 แผ่นที่ 247, 273 และ 286 โจทก์ลงรายการในช่องภาษีที่ชำระเกินยกมาเป็นจำนวนเงิน 157,989.33 บาท ผิดโดยลงซ้ำทั้งสามเดือนและโจทก์อ้างว่าฐานภาษีซื้อของโจทก์ในเดือนมิถุนายนและตุลาคม 2535โจทก์ใช้ราคาสินค้าตามความจริงโดยมิได้นำราคาที่เจ้าพนักงานศุลกากรประเมินเพิ่มมาเป็นฐานภาษี ในระหว่างอุทธรณ์การประเมินโจทก์ได้เสนอเอกสารใบกำกับภาษีซื้อ ภาษีขาย รายงานภาษี แบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มตามเอกสารหมาย จ.1 แผ่นที่ 18ถึง 326 เพื่อประกอบการพิจารณาด้วยแล้ว การที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ซึ่งเป็นจำเลยที่เหลือเพียงแต่พิจารณาหลักฐานรายงานภาษีขายและภาษีซื้อเดือนพฤศจิกายน2536 โดยมิได้นำเอกสารแผ่นที่ 18 ถึง 326 มาพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่าการประเมินชอบแล้ว เห็นได้ว่าเป็นการนำข้อมูลจากรายงานภาษีขายและภาษีซื้อของโจทก์ในเดือนพฤศจิกายน 2536 ซึ่งโจทก์นำสืบว่าโจทก์ลงไว้ผิดมาวินิจฉัยโดยมิได้ตรวจสอบจากเอกสารหมาย จ.1 แผ่นที่ 18 ถึง 326 ที่โจทก์นำมาส่งให้เพื่อประกอบการพิจารณาด้วยการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ซึ่งเป็นจำเลยที่เหลือจึงไม่ชอบ

ปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ประการต่อไปที่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ว่าหากข้อเท็จจริงฟังว่าโจทก์แสดงรายการฐานภาษีซื้อหรือยอดซื้อผิดพลาดตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2535 และตุลาคม 2535 เป็นเรื่องการยื่นแบบแสดงรายการภาษีไว้ไม่ถูกต้องครบถ้วน ประมวลรัษฎากรได้บัญญัติทางแก้ไว้ตามมาตรา 83/4 โดยให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนยื่นแบบแสดงรายการภาษีเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับชำระภาษีถ้ามีให้ถูกต้องครบถ้วน โดยยื่น ณ สถานที่ที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีไว้ก่อน แต่คดีนี้โจทก์ไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเพิ่มเติม โจทก์มีทางแก้โดยจะต้องชำระภาษีอากรเพิ่มเติมหลังจากยื่นแบบแสดงรายการเพิ่มเติมเข้าไปใหม่แล้วดำเนินการเรียกภาษีคืนตามขั้นตอนของกฎหมาย การที่ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาลัดขั้นตอนของกฎหมายจึงไม่ชอบทั้งไม่มีประเด็นให้วินิจฉัยได้ คำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลางจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า ตามมาตรา 83/4 ดังกล่าวเป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับการยื่นแบบและชำระภาษีและเป็นทางแก้กรณีผู้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีไว้ไม่ถูกต้องครบถ้วนและให้โอกาสผู้ยื่นแบบแสดงรายการภาษียื่นเพิ่มเติมใหม่เพื่อให้ถูกต้องครบถ้วนได้ บทบัญญัติดังกล่าวมิได้บัญญัติห้ามมิให้ศาลภาษีอากรกลางเข้าไปวินิจฉัยว่าการประเมินภาษีหรือคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของเจ้าพนักงานประเมินหรือของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ถูกต้องหรือไม่ ดังนั้น ที่ศาลภาษีอากรกลางมีคำวินิจฉัยในเรื่องนี้จึงมิใช่เป็นการลัดขั้นตอนของกฎหมายหรือเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นดังที่จำเลยที่ 1 อ้าง

พิพากษายืน

Share