แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยยืมโฉนดที่ดินของโจทก์ไปวางประกันเงินกู้จากธนาคารโดยให้โจทก์ลงชื่อในใบมอบฉันทะให้ไว้สัญญาจะไถ่คืนให้ใน 1 เดือนโจทก์มีอำนาจฟ้องให้จำเลยจัดการไถ่โฉนดคืนให้โจทก์ตามสัญญาได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2493 จำเลยได้ยืมโจทก์ที่ดินเลขที่ 1242 ตำบลพระโขนงฝั่งใต้อำเภอพระโขนง จังหวัดพระโขนงของโจทก์ เพื่อนำไปทำนิติกรรมประกันเงินกู้จากธนาคารไทยพาณิชย์ในนามของโจทก์ในจำนวนเงิน 50,000 บาท โดยจำเลยจะนำเงินไปจัดเป็นทุนแสดงละคร และจำเลยสัญญาว่าจะไถ่ถอนโฉนดคืนให้โจทก์ภายในกำหนด1 เดือนพร้อมทั้งจ่ายค่าผลประโยชน์ตอบแทนให้โจทก์เป็นเงิน 5,000 บาทโจทก์ได้มอบโฉนดและได้ไปทำนิติกรรมประกันเงินกู้ 50,000 บาทให้จำเลยต่อธนาคาร มณฑล จำกัด แทนธนาคารไทยพาณิชย์ เนื่องจากเป็นความประสงค์ของจำเลยขอเปลี่ยนเอง ครบกำหนดสัญญาจำเลยไม่จัดการไถ่ถอนโฉนดคืนให้โจทก์ และชำระเงินค่าตอบแทนให้โจทก์เพียง 1,800 บาท ยังค้างชำระอีก 3,200 บาท ขอให้จำเลยจัดการไถ่ถอนโฉนดคืนให้โจทก์และให้ชำระผลประโยชน์ตอบแทนอีก 3,200 บาทกับดอกเบี้ย
จำเลยแก้ว่า เคยทำหนังสือยืมโฉนดจากโจทก์ครั้งหนึ่งจริงแต่หนังสือยืมฉบับนั้นได้ตกลงไม่ใช้ต่อกันแล้ว หนังสือยืมฉบับนั้นจึงไม่มีผลบังคับจำเลย จำเลยมิได้รับมอบโฉนดไปทำนิติกรรมประกันเงินกู้ 50,000 บาทจากธนาคารมณฑล จำกัด การยืมเงินจากธนาคารมณฑล จำกัด โจทก์จัดการทำด้วยตนเองโจทก์ไม่มีอำนาจจะฟ้องขอให้บังคับจำเลยจัดการไถ่ถอนโฉนดและชำระค่าตอบแทน
ศาลชั้นต้นพิจารณาได้ความว่า นายเละโจทก์ไม่เคยรู้จักจำเลยมาก่อนการที่โจทก์จำเลยรู้จักกันก็โดยนายทวี ไวพณิชยการเป็นผู้ชักนำเพราะนายทวีเคยถูกฟ้องคดีอาญา โจทก์เป็นผู้ประกันโดยได้ค่าจ้างในการประกัน เมื่อศาลตัดสินยกฟ้องนายทวีและโจทก์ได้รับโฉนดที่วางเป็นประกันคืน โจทก์จำเลยจึงได้ติดต่อกันในคดีนี้ โดยจำเลยทำหนังสือยืมโฉนดเลขที่ 1242 ของโจทก์ เพื่อทำนิติกรรมประกันเงินกู้จากธนาคารไทยพาณิชย์ในจำนวนเงิน 50,000 บาท โดยจะนำเงินเป็นทุนแสดงละครเพื่อเก็บเงินช่วยเหลือคณะพรรคกรรมกร ภายในกำหนด 1 เดือนจะไถ่ถอนโฉนดคืนให้พร้อมทั้งจ่ายค่าตอบแทนให้ 5,000 บาท ขณะทำสัญญาโจทก์ได้รับเงินล่วงหน้าไปก่อนเป็นเงิน 1,000 บาทเอกสารดังกล่าวฝ่ายโจทก์อ้างหมาย จ.3 ฝ่ายจำเลยอ้างหมาย ล.2 มีข้อความตรงกัน ไม่ปรากฏวันทำสัญญาทั้งสองฉบับ และมีสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีซึ่งจำเลยได้ทำไว้กับธนาคารมณฑลโดยธนาคารยอมให้จำเลยเบิกเงินจำนวนไม่เกิน 50,000 บาท สัญญาลงวันที่ 31 ตุลาคม 2493 มีพันตรีอรรคเดช พิชเยนทรโยธินเป็นผู้ค้ำประกัน ในการทำสัญญาดังกล่าวโจทก์ได้มอบโฉนดที่ดินเลขที่ 1242 ตำบลพระโขนงฝั่งใต้ อำเภอพระโขนงจังหวัดพระนครมอบให้ธนาคารไว้พร้อมทั้งเซ็นชื่อโจทก์ไว้ในหนังสือมอบฉันทะให้แก่ธนาคารไว้ตามที่จำเลยกล่าวอ้างว่าใบยืมโฉนดได้เลิกไม่ใช้แล้ว มิปรากฏว่าได้มีการเรียกสัญญาฉบับนั้นคืนหรือทำหลักฐานไว้ แม้แต่เงินที่จำเลยจ่ายล่วงหน้าให้โจทก์ไป 1,000 บาท ก็มิปรากฏว่าจำเลยได้จัดการประการใด คำกล่าวอ้างจึงมิทำให้จำเลยพ้นความรับผิดไปได้ คดีฟังได้ว่าจำเลยได้ยืมโฉนดของโจทก์ไปประกันเงินกู้ต่อธนาคาร โดยยอมคิดค่าตอบแทนให้โจทก์เป็นเงิน 5,000 บาทจริง และโจทก์ได้รับเงินไปแล้ว 1,800 บาท ยังคงค้างชำระอีก 3,200 บาท จึงพิพากษาให้จำเลยไถ่ถอนโฉนดเลขที่ 1242 จากธนาคารมณฑลคืนให้โจทก์กับให้ชำระเงินตอบแทนที่ยังค้างอีก 3,20 0 บาทกับดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมค่าทนาย 300 บาทแทนโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่ไม่โต้เถียงการกู้เงินธนาคารมณฑล จำกัด จำนวนเงิน 50,000 บาท จำเลยเป็นผู้ทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีในชื่อของจำเลย ไม่มีข้อความว่าทำสัญญาในฐานะเป็นตัวแทนโจทก์ และเป็นที่รับข้อเท็จจริงกันว่า ก่อนที่จะได้ไปทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับธนาคารมณฑล จำเลยได้ทำหนังสือสัญญาขอยืมโฉนดของโจทก์รายนี้เพื่อไปทำนิติกรรมกู้เงินจากธนาคารไทยพาณิชย์เพื่อเป็นทุนในการแสดงละคร ซึ่งเป็นเรื่องพัวพันต่อเนื่องกับการที่เปลี่ยนไปขอกู้เงินจากธนาคารมณฑล จำกัด ข้อที่จำเลยต่อสู้ว่าได้ตกลงเลิกการที่จำเลยได้ยืมโฉนดนั้นได้พิเคราะห์หลักฐานพยานแล้วเห็นพ้องกับศาลชั้นต้นว่า ไม่น่าเชื่อว่าเป็นดังจำเลยอ้าง รูปเรื่องน่าเชื่อว่า ได้มีการตกลงจะให้ผลประโยชน์แก่โจทก์ในการที่โจทก์ยอมเอาโฉนดไปเป็นประกัน ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าตอบแทนที่ยังค้างอีก 3,200 บาทกับดอกเบี้ยชอบแล้ว ส่วนเรื่องโฉนดที่บังคับให้จำเลยไถ่ถอนจากธนาคารมณฑล จำกัด คืนให้แก่โจทก์นั้นเห็นว่าโจทก์ไม่มีสิทธิจะฟ้องแทนเจ้าหนี้ให้ลูกหนี้ชำระหนี้ต่อเจ้าหนี้และโจทก์เองยังไม่ได้รับช่วงสิทธิที่จะไล่เบี้ยในขณะนี้เพราะยังไม่ได้ชำระหนี้แทนจำเลยไป โฉธนาคารมณฑล จำกัด เองโดยลงลายมือชื่อในใบมอบฉันทะให้ไว้ จะให้จำเลยไปเอาคืนจากธนาคารโดยลำพัง น่าจะไม่ถูกต้อง และเวลานี้โฉนดรายนี้ก็ยังไม่มีการจดทะเบียนจำนอง จึงพิพากษาแก้ให้ยกข้อที่ให้จำเลยไถ่ถอนโฉนดรายนี้จากธนาคารเสีย นอกจากนี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับไป
โจทก์ฝ่ายเดียวฎีกาขอให้พิพากษาตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยแก้ฎีกาว่าศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระค่าตอบแทนที่ค้างอยู่ 3,200 บาทชอบแล้ว ส่วนที่บังคับให้จำเลยไถ่ถอนโฉนดคืนให้แก่โจทก์ยังไม่ชอบ ขอให้พิพากษาตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ศาลฎีกาได้ประชุมพิจารณาแล้ว คดีมีปัญหาชั้นฎีกาเฉพาะเรื่องการไถ่โฉนดคืนเท่านั้น พิจารณาเห็นว่าเรื่องนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ยืมโฉนดที่ดินเลขที่ 1242 ของโจทก์เพื่อนำไปทำนิติกรรมประกันเงินกู้จากธนาคาร โดยสัญญาว่าจะไถ่ถอนโฉนดคืนให้โจทก์ภายในกำหนด 1 เดือน ความปรากฏตามเอกสารใบยืมที่โจทก์อ้างหมาย จ.3 และจำเลยอ้าง ล.2 มีความอย่างเดียวกันว่า นายณรงค์ อัญชันบุตร (จำเลย) ได้ยืมโฉนดหมายเลขที่ 1242 ของนายเละ ดาราฉาย (โจทก์) เพื่อเข้าทำนิติกรรมประกันเงินกู้จากธนาคาร ภายในกำหนด 1 เดือนจะทำการไถ่ถอนโฉนดรายนี้คืนให้ ฯลฯ ตามสัญญาดังกล่าวนี้ศาลนี้เห็นว่า จำเลยรับรองต่อโจทก์ว่าจะทำการไถ่ถอนโฉนดที่ยืมคืนให้แก่โจทก์ภายในกำหนดสัญญา เมื่อจำเลยผิดสัญญาโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้จำเลยดำเนินการให้ได้โฉนดคืนให้แก่โจทก์ตามสัญญาได้อนึ่ง ความยังปรากฏตามแบบพิมพ์หนังสือมอบฉันทะหมาย จ.6 ที่โจทก์อ้างตามเรียกจากธนาคารมณฑล จำกัด แบบพิมพ์หนังสือมอบฉันทะนั้นศาลนี้ได้พิจารณาแล้ว ความปรากฏว่า มีแต่ชื่อนายเละ ดาราฉาย (โจทก์) ลงลายมือชื่อไว้ในช่องลงลายมือชื่อผู้รับมอบฉันทะด้วยหมึกนอกจากนั้นมีเขียนด้วยตัวดินสอในช่องอายุ ช่องเชื้อชาติ สัญชาติช่องบุตรและช่องที่อยู่ด้วยตัวดินสอดำทั้งนั้น ส่วนในช่องที่ว่าได้มอบให้ ช่องอายุ ช่องเชื้อชาติ สัญชาติ ช่องบุตร ช่องที่อยู่ไม่ได้มีข้อความเขียนว่าอย่างใดเลย ช่องที่ว่าเป็นผู้มีอำนาจจัดการก็มิได้เขียนว่าอย่างไร รวมความสั้น ๆ ว่าศาลนี้เห็นว่าเอกสารฉบับนี้เป็นแบบพิมพ์หนังสือมอบฉันทะซึ่งมีแต่ชื่อนายเละดาราฉาย (โจทก์) ลงลายมือชื่อไว้ในช่องลงลายมือชื่อผู้มอบฉันทะเท่านั้นมอบฉันทะให้ใคร และผู้รับมอบฉันทะมีอำนาจจัดการอย่างไรหาได้กล่าวประการใดไม่ จึงเป็นแต่เพียงกระดาษแบบพิมพ์แผ่นหนึ่งซึ่งมีแต่ชื่อนายเละ ดาราฉาย (โจทก์) ลงนามไว้เฉย ๆ เท่านั้น ยังถือไม่ได้ว่านายเละ ดาราฉาย(โจทก์) เป็นผู้มอบฉันทะให้ดำเนินการแก่โฉนดที่ดินของโจทก์อย่างใด จะเรียกว่าเป็นหนังสือมอบอำนาจให้ทำอะไรก็ยังไม่ได้ จึงมิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์จะอาศัยอำนาจไล่เบี้ยหรือรับช่วงสิทธิของลูกหนี้หรือเจ้าหนี้ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาแต่ประการใด แต่เป็นเรื่องขอให้จำเลยปฏิบัติการตามสัญญาดังกล่าวมาแล้วต่างหาก จำเลยจึงมีหน้าที่ปฏิบัติการตามสัญญาที่ได้ทำให้ไว้แก่โจทก์นั้น วัตถุประสงค์ของโจทก์ที่ฟ้องคดีนี้ก็เพื่อต้องการโฉนดคืนจากจำเลยตามสัญญา จึงพิพากษาแก้ให้จำเลยจัดการดำเนินการเพื่อได้โฉนดที่ยืมคืนให้แก่โจทก์ตามสัญญา ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมค่าทนายสามศาล 500 บาท