แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตัวการมอบพวงคอเพ็ชรให้แก่ตัวแทนเพื่อไปขายแก่บุคคลภายนอก แต่ตัวแทนกลับนพวงคอเพ็ชรนั้นไปเป็นหลักประกันแทนแหวนเพ็ชรที่ตัวแทนจำนำไว้กับบุคคลภายนอกโดย บอกกับบุคคลภายนอกว่าตัวการให้นำพวงคอเพ็ชรมาเป็นหลักประกันแหวนเพ็ชรและขอรับแหวนเพ็ชรกลับไป ดังนี้ถือว่าทางปฏิบัติของตัวการที่เคยใช้ตัวแทนให้จำนำทรัพย์แก่บุคคลภายนอกมาแล้วนั้นทำให้บุคคลำายนอกมี มูลเหตุอันสมควรจะเชื่อว่าการจำนำโดยการแลกเปลี่ยนกับทรัพย์ที่จำนำไว้นั้นอยู่ภายในขอบอำนาจของตัวแทนตามที่ตัวแทนบอกยืนยันตัวการจังต้องผูกพันต่อบุคคลภายนอกในกิจการที่ตัวแทนได้ทำไปตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 820, 822
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้มอบพวงคอเพ็ชรราคา ๘๕๐๐๐ บาทให้จำเลยที่ ๑ นำไปขายแก่จำเลยที่ ๒ แล้วจำเลยที่ ๑ กลับเอาพวงคอเพ็ชรนี้ไปมอบเป็นหลักประกันแทนแหวนเพ็ชรที่จำเลยที่ ๑ จำนำไว้กับจำเลยที่ ๒ นานแล้ว การกระทำของจำเลยที่ ๑ เป็นการทุจริต ไม่มีสิทธิอย่างใดตามกฎหมายจำเลยที่ ๒ ก็ได้ยินยอมเห็นด้วยในการกระทำของจำเลยที่ ๑ ยอมมอบแหวนคืนแก่จำเลยที่ ๑ ยึดเอาพวงคอเพ็ชรของโจทก์ไว้ จึงขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยที่ ๑-๒ ร่วมกันและแทนกันคืนพวงคอเพ็ชรให้โจทก์ ถ้าคืนไม่ได้ให้ใช้ราคา ๘๕๐๐๐ บาทกับค่าเสียหาย ๑๕๐๐๐ บาท
จำเลยที่ ๑ ต่อสู้ว่าโจทก์มอบให้นำพวงคอเพ็ชรไปเปลี่ยนเอาแหวนเพ็ชร ๒ วงซึ่งโจทก์ให้จำเลยจำนำไว้กับจำเลยที่ ๒ จำเลยก็จัดการนำไปเปลี่ยนและคืนแหวนให้แก่โจทก์แล้ว
จำเลยที่ ๒ ต่อสู้ว่าทำไปโดยสุจริต
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ผู้เดียวคืนพวงคอเพ็ชรหรือใช้ราคาให้แก่โจทก์รวมทั้งค่าเสียหาย ยกฟ้องฉะเพาะที่เกี่ยวกับจำเลยที่ ๒
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์กล่าวในฟ้องว่าการกระทำของจำเลยที่ ๑ เป็นไปด้วยเจตนาทุจริตปราศจากสิทธิอย่างใด ๆ อันพึงกระทำได้ตามกฎหมาย แล้วจำเลยที่ ๒ ก็ได้ยินยอมเห็นด้วยในการกระทำของจำเลยที่ ๑ ฉะนั้นโจทก์จะต้องนำสืบว่า จำเลยที่ ๒ ได้รู้ว่าจำเลยที่ ๑ ได้กระทำไปเกินขอบเขตอำนาจแห่งฐานะตัวแทน แต่ตามที่โจทก์นำสืบก็ไม่ได้ความว่าจำเลยที่ ๒ ได้รู้ว่าเจ้าของพวงคอเพ็ชรได้มอบมาเพื่อขายเท่านั้น การที่โจทก์มอบพวงคอเพ็ชรให้แก่จำเลยที่ ๑ ผู้ซึ่งเคยจำนำทรัพย์ของโจทก์มา หากจะมีความประสงค์เพียงให้ขายอย่างเดียวก็ดีแต่ก็เป็นทางปฏิบัติของโจทก์ทำให้จำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมีมูลเหตุอันสมควรจะเชื่อว่าการจำนำโดยการแลกเปลี่ยนกับทรัพย์ที่จำนำไว้นั้นอยู่ภายในขอบ อำนาจของจำเลยที่ ๑ ผู้เป็นตัวแทน สมดังที่จำเลยที่ ๑ มาบอกยืนยัน โจทก์ผู้เป็นตัวการย่อมมีความผูกพันต่อจำเลยที่ ๒ ผู้เป็นบุคคลภายนอกในกิจการที่จำเลยที่ ๑ ได้ทำไป ตามนัยแห่ง ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๘๒๒, ๘๒๐
จึงพิพากษายืน