แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ทำสัญญาจ้างจำเลยทำพัสดุ สัญญาข้อ 19 มีว่า ถ้าผู้รับจ้างส่งมอบงานล่าช้ากว่าวันแล้วเสร็จตามสัญญา แต่ผู้ว่าจ้างยังมิได้บอกเลิกสัญญา ผู้ว่าจ้างมีสิทธิปรับผู้รับจ้างเป็นรายวันและเรียกค่าเสียหายอันเกิดจากงานล่าช้าในระหว่างที่มีการปรับถ้าผู้ว่าจ้างเห็นว่าผู้รับจ้างไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ ผู้ว่าจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและใช้สิทธิตามสัญญาข้อ 20 ด้วย สัญญาข้อ 20 มีว่า ถ้าผู้ว่าจ้างบอกเลิกสัญญา ผู้รับจ้างยอมให้ผู้ว่าจ้างริบหลักประกันสัญญาและอื่น ๆเมื่อโจทก์เห็นว่าจำเลยมิได้ส่งมอบงานและสิ่งของตามสัญญาจึงบอกเลิกสัญญา เช่นนี้เป็นเรื่องใช้สิทธิเลิกสัญญาตามข้อ 20จึงมีสิทธิตามที่ระบุไว้ในข้อ 20 โดยไม่มีสิทธิปรับจำเลยตามข้อ 19 ได้อีก
สัญญาซื้อขายข้อ 7 มีว่า ถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบของที่ตกลงขายหรือส่งมอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ครบจำนวน ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและริบหลักประกัน และถ้าผู้ซื้อจัดซื้อสิ่งของจากบุคคลอื่นภายในกำหนด 3 เดือนนับจากวันเลิกสัญญา ผู้ขายยอมชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นด้วย สัญญาข้อ 9 มีว่าผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวันนับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันที่ผู้ขายส่งมอบของครบถ้วน ในระหว่างที่มีการปรับถ้าผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ผู้ซื้อจะใช้สิทธิเลิกสัญญาและริบหลักประกันกับเรียกให้ใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นนอกเหนือจากการปรับก็ได้ ดังนี้เมื่อจำเลยไม่ส่งมอบสิ่งของให้แก่โจทก์เลยและโจทก์ก็ใช้สิทธิเลิกสัญญาและริบหลักประกันตามข้อ 8 แล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกเอาค่าปรับเป็นรายวันตามข้อ 9.(ที่มา-เนติ)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาจ้างทำพัสดุและสัญญาซื้อขายขอให้บังคับจำเลยชำระค่าปรับตามสัญญาจำนวน 227,588.25 บาท และดอกเบี้ยแก่โจทก์จำเลยให้การว่าโจทก์ได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและริบเงินประกันแล้วจำเลยจึงไม่ต้องใช้เบี้ยปรับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘โจทก์ฎีกาว่าตามสัญญาเอกสารหมาย จ.4 ข้อ19 และข้อ 20 มีความหมายว่าเมื่อครบกำหนดตามสัญญาแล้วจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาโจทก์ไม่จำต้องบอกเลิกสัญญาทันทีโดยโจทก์มีสิทธิขอให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ต่อเมื่อโจทก์เห็นว่าจำเลยไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาได้แล้วจึงบอกเลิกสัญญา โจทก์จึงมีสิทธิริบหลักประกันและเรียกค่าปรับจากจำเลยได้ศาลฎีกาเห็นว่าตามสัญญาเลขที่ 60/งป.2523 เอกสารหมาย จ.4ข้อ 19 มีข้อความว่าถ้าผู้รับจ้างส่งมอบงานล่าช้ากว่าวันแล้วเสร็จตามสัญญาแต่ผู้ว่าจ้างยังมิได้บอกเลิกสัญญาผู้รับจ้างยอมให้ผู้ว่าจ้างดำเนินการดังต่อไปนี้คือ
(1) ปรับผู้ว่าจ้างเป็นรายวันวันละ 137 บาท 50 สตางค์นับแต่วันที่ล่วงเลบกำหนดวันแล้วเสร็จตามสัญญาจนถึงวันที่งานแล้วเสร็จบริบูรณ์
(2) เรียกค่าเสียหายอันเกิดขึ้นจากการที่ผู้รับจ้างทำงานล่าช้า (ถ้ามี) ฯลฯ
ในระหว่างที่มีการปรับนั้นถ้าผู้ว่าจ้างเห็นว่าผู้รับจ้างไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ผู้ว่าจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและใช้สิทธิตามสัญญาข้อ 20 นอกเหนือจากการปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วยและในข้อ 20 มีข้อความว่าถ้าผู้ว่าจ้างบอกเลิกสัญญาแล้วผู้รับจ้างยอมให้ผู้ว่าจ้างดำเนินการดังต่อไปนี้
(1) ริบหลักประกันสัญญา
(2) ยินยอมให้ผู้ว่าจ้างเรียกเอาค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นเพราะจ้างบุคคลอื่นทำการนี้ต่อไปจนงานแล้วเสร็จบริบูรณ์
(3) เรียกเอาค่าใช้จ่ายในการควบคุมงานในเมื่อผู้ว่าจ้างต้องจ้างผู้ควบคุมงานนั้นอีกต่อหนึ่งจนงานแล้วเสร็จบริบูรณ์
(4) เรียกค่าเสียหายอันพึงมีจากผู้รับจ้าง
จากข้อสัญญาดังกล่าวเป็นที่ชัดแจ้งว่าถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาโจทก์มีสิทธิปรับจำเลยเป็นรายวันได้ และหากโจทก์เห็นว่าจำเลยไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาโจทก์มีสิทธิเลิกสัญญาได้ปรากฏว่าโจทก์ได้มีหนังสือที่ กห.0361/4478 ลงวันที่27 สิงหาคม 2524 ตามเอกสารหมาย จ.9 แจ้งแก่จำเลยว่าได้รับรายงานว่าจำเลยยังไม่ส่งมอบงานและสิ่งของตามสัญญาแต่อย่างใด ทั้งไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้ทราบเป็นเวลาล่วงเลยมานานแล้วเมื่อจำเลยไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาได้จึงขอแจ้งบอกเลิกสัญญาตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2524 และเนื่องจากจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาจะต้องถูกริบเงินประกันและถูกปรับเช่นนี้กรณีจึงเป็นเรื่องที่โจทก์ใช้สิทธิเลิกสัญญาตามข้อ 20 โดยมิได้ดำเนินการปรับจำเลยตามสัญญาข้อ 19 มาก่อนแต่อย่างใดเพราะจำเลยมิได้ทำงานหรือส่งมอบรายงานล่าช้า แต่เป็นเรื่องจำเลยมิได้ปฏิบัติตามสัญญาซึ่งโจทก์ไม่มีสิทธิที่จะปรับจำเลยได้ เมื่อโจทก์ใช้สิทธิเลิกสัญญากับจำเลยโจทก์คงมีสิทธิตามข้อ 20 คือริบหลักประกันสัญญาและถ้าโจทก์ว่าจ้างให้บุคคลอื่นทำงานรายนี้ต่อไปโจทก์มีสิทธิเรียกเอาค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นตลอดจนค่าใช้จ่ายในการควบคุมงานกรณีที่โจทก์ต้องจ้างผู้ควบคุมกับค่าเสียหายต่าง ๆ เท่านั้น ดังนั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิปรับจำเลยตามข้อ 19 ได้อีก
โจทก์ฎีกาข้อต่อไปว่าตามสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.5 และหมายจ.7 ข้อ 8 นั้นเมื่อจำเลยไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายให้แก่โจทก์โจทก์ไม่จำต้องบอกเลิกสัญญาทันทีโดยอาจขอให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาต่อไป และโจทก์มีสิทธิได้ค่าปรับจากจำเลยต่อเมื่อโจทก์เห็นว่าจำเลยไม่อาจส่งมอบสิ่งของให้ต่อไปได้โจทก์ก็มีสิทธิเลิกสัญญาและริบหลักประกันกับมีสิทธิเรียกค่าปรับได้จนถึงวันเลิกสัญญาตามความในข้อ 9 วรรคสองศาลฎีกาเห็นว่าตามข้อ 8 ของสัญญาเลขที่ 69/งป.2523 และเลขที่ 88/งป.2523เอกสารหมาย จ.5 และหมาย ข.7 มีข้อความว่าเมื่อครบกำหนดส่งมอบสิ่งของตามสัญญานี้แล้วถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อหรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้องหรือส่งมอบสิ่งของไม่ครบจำนวนผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ในกรณีที่ผู้ซื้อใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อริบหลักประกันหรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกหนังสือสัญญาค้ำประกันเป็นจำนวนเงินทั้งหมดหรือแต่บางส่วนก็ได้แล้วแต่จะเห็นสมควรและถ้าผู้ซื้อจัดซื้อสิ่งของจากบุคคลอื่นเต็มจำนวนหรือเฉพาะจำนวนที่ขาดส่งแล้วแต่กรณีภายในกำหนด 3 เดือนนับแต่วันที่บอกเลิกสัญญาผู้ขายยอมรับผิดชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นจากราคาที่กำหนดไว้ในสัญญานี้ด้วยและข้อ 9 มีข้อความว่าในกรณีที่ผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามข้อ 8 ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละศูนย์จุดสอง (0.2) ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบนับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันที่ผู้ขายได้นำสิ่งของมาส่งให้แก่ผู้ซื้อจนถูกต้องครบถ้วนในระหว่างที่มีการปรับนั้นถ้าผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ผู้ซื้อจะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและริบหลักประกันกับเรียกร้องให้ชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นจากราคาที่กำหนดไว้ในข้อ 8 นอกเหนือจากการปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วยก็ได้จากข้อสัญญาดังกล่าวเป็นที่ชัดแจ้งว่าโจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาในกรณีที่จำเลยหรือผู้ขายไม่ส่งมอบของหรือส่งมอบไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วนและมีสิทธิริบหลักประกันที่จำเลยวางไว้รวมทั้งมีสิทธิที่จะซื้อของจากผู้อื่นและเรียกราคาที่เพิ่มขึ้นจากจำเลย แต่ถ้าครบกำหนดเวลาแล้วโจทก์มิได้เลิกสัญญาและยินยอมให้จำเลยนำสิ่งของที่ซื้อขายตามสัญญามาส่งให้แก่โจทก์ โจทก์จึงจะมีสิทธิเรียกร้องเอาค่าปรับจากจำเลยเป็นรายวันได้ในอัตราร้อยละศูนย์จุดสอง (0.2) ของราคาสิ่งของนับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันที่จำเลยนำสิ่งของมาส่งมอบให้แก่โจทก์ถูกต้องครบถ้วนฉะนั้นเมื่อจำเลยไม่ส่งมอบสิ่งของให้แก่โจทก์เลยและโจทก์ได้ใช้สิทธิเลิกสัญญากับริบหลักประกันตามสัญญาอันเป็นการใช้สิทธิตามสัญญาข้อ 8 โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะเรียกเอาค่าปรับเป็นรายวันจากจำเลยตามสัญญาอีก 9 ได้อีกตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 2536/2529 ระหว่างกองทัพบกโจทก์บริษัทผลิตภัณฑ์สีและเคมี จำกัด จำเลยที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ทุกข้อฟังไม่ขึ้น’
พิพากษายืน.